เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ประเทศเกาหลีใต้  นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังการหารือระหว่างนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กับนายโช แท-ย็อล รมว.ต่างประเทศเกาหลีใต้ ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง ความร่วมมือด้านการทหาร และการส่งเสริมการค้า การลงทุนระหว่างกัน ตลอดจนการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม ซึ่งได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านวัฒนธรรมขึ้นมา เพื่อแลกเปลี่ยนประเด็นต่างๆ อาทิ ซอฟต์พาวเวอร์ กระแสเค-เวฟ (K-wave) โดยประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะกรรมการร่วมด้านวัฒนธรรมในช่วงเดือน พ.ย.นี้

นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า การเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการของรมว.ต่างประเทศครั้งนี้ เสมือนเป็นการเตรียมการและปูทางก่อนที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะมาเยือนเกาหลีใต้ในปีนี้ เนื่องจาก ไทยและเกาหลีใต้เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน และมีการแลกเปลี่ยนในประเด็นต่างๆ ในความร่วมมือกันเพื่อพัฒนาศักยภาพของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมการทหาร เพราะขณะนี้เกาหลีใต้มีความก้าวหน้ามาก และมีการผลิตยุทโธปกรณ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นรถเกราะหรือเครื่องบิน จึงได้ตกลงกันว่าจะมีการหารือระหว่างผู้แทนของการทหารของทั้ง 2 ประเทศเพื่อลงในรายละเอียดต่อไป นอกจากนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จะนำคณะสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และนักธุรกิจไทย เดินทางเยือนเกาหลีใต้เช่นกัน เพื่อหารือด้านธุรกิจต่อไป

นายนิกรเดช กล่าวว่า สำหรับกระแสในสื่อโซเชียลที่ชวนคนไทยแบนการไปท่องเที่ยวในเกาหลีใต้ เนื่องจากถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เกาหลีใต้ปฏิเสธการเข้าเมือง ทั้งที่เข้าไปโดยถูกต้องนั้น ไทยและเกาหลีใต้รับทราบปัญหานี้ และกรมการกงสุลของทั้ง 2 ประเทศกำลังเร่งแก้ไขร่วมกัน เพราะขณะนี้ได้ลามไปกระทบความรู้สึกของประชาชนด้วย โดยในระยะแรก คนไทยที่เข้าไปในเกาหลีใต้ จะต้องได้รับการอำนวยความสะดวกเหมือนกับคนทั่วไป ไม่ได้ถูกเพ่งเล็ง ส่วนในระยะถัดไปคือเรื่องแรงงานมีทักษะของไทยที่จะไปทำงานในเกาหลีใต้ ซึ่งพูดคุยกันว่าจะให้อยู่ในระยะยาว ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องหารือในรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้ฝ่ายเกาหลีใต้อยากให้รัฐบาลไทยให้ความรู้และทำความเข้าใจกับคนไทยว่าการเข้าไปทำงานในเกาหลีใต้ จะต้องทำอย่างถูกต้องตามระบบและกฎหมายของเกาหลีใต้