เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังแถลงปิดคดียุบพรรคก้าวไกล ถึงกรณีในวันที่ 7 ส.ค.นี้ พรรคก้าวไกลประเมินคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไว้อย่างไรบ้าง ว่า คงไม่อาจก้าวล่วงประเมินไปข้างหน้า แต่ว่าเราก็มั่นใจในข้อเท็จจริงและมั่นใจในข้อกฎหมายที่เราได้อธิบายให้กับสื่อมวลชนไปแล้ว

เมื่อถามว่าเหตุผล 9 ข้อที่ได้ชี้แจงมา มั่นใจว่าเป็นไปในทางบวกที่จะไม่ทำให้ถูกยุบพรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรามั่นใจ เราไม่สามารถที่จะก้าวล่วงหรือคาดเดาสิ่งที่เป็นคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่สิ่งที่เราทำได้ ก็คือการยืนยันข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในทางฝั่งของเรา และเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะได้รับความยุติธรรมเหมือนพรรคหนึ่งที่เคยได้รับมา เมื่อ 14 ปีที่แล้ว รวมถึงบรรทัดฐานในการพิจารณาก็เชื่อว่าจะเป็นไปตามหลักสากล รวมถึงการประชุมศาลรัฐธรรมนูญเอเชียที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้าของศาลรัฐธรรมนูญไทยด้วย ก็รู้สึกมั่นใจ

เมื่อถามว่านอกจากเหตุผลทางข้อกฎหมายต่างๆ แล้ว กังวลหรือไม่ว่าเหตุผลในทางการเมืองต่างๆ จะถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลในการยุบพรรค นายพิธา กล่าวว่า ไม่กังวล คิดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ตามที่ได้ยินข่าวมาว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับข้อกฎหมายล้วนๆ แล้วใช่หรือไม่ ตอนนี้

เมื่อถามว่าหากคำตัดสินออกมาไม่เป็นคุณกับพรรคก้าวไกลเกิดกรณีเลวร้ายที่สุด เราได้เตรียมการอะไรรองรับไว้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มีคิดไว้แต่ว่ายังไม่ถึงเวลา ตอนนี้เราโฟกัสในการใช้เวลา เสาร์ อาทิตย์นี้และ จันทร์ อังคาร รวมถึงวันพุธ ในการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรของเราอย่างเต็มที่ วันพุธตอนเช้าตนก็ยังมีคิวที่จะต้องอภิปรายในเรื่องของ พ.ร.บ.ขนส่งสาธารณะ และทำหน้าที่อย่างมีสมาธิกับสิ่งที่พี่น้องประชาชน 14 ล้านคน เคยให้คะแนนเสียงมา ก็ยังทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรเหมือนเดิมตลอด ไม่ได้รู้สึกว่าเสียสมาธิหรือว่าจะต้องทำอะไรเป็นพิเศษ แน่นอนมันก็ต้องมีเรื่องของกระบวนการต่อสู้ในทางกฎหมายเกิดขึ้น แต่ว่าสมาธิในการทำงานให้กับพี่น้องประชาชนยังเหมือนเดิม

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลเป็นห่วงในเรื่องกระแสการลุกฮือและการเคลื่อนไหวของประชาชนในวันตัดสินคดียุบพรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่สามารถคาดเดาแทนพี่น้องประชาชนได้ ก็หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี แน่นอนว่าการเข้าถึงสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมเป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนสามารถทำได้ ในระบอบประชาธิปไตยที่ไร้ความรุนแรง แต่พรรคก้าวไกลจะไม่ได้เป็นส่วนร่วมในการมีเจตนาจะสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรคแน่นอน

ต่อข้อถามว่ากิจกรรมในวันที่ 7 ส.ค. มีการให้ประชาชนเข้ามาร่วมด้วย จะถูกมองว่าเป็นการปลุกมวลชนหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่หรอกครับ อย่างที่บอกว่าพรรคก้าวไกลเป็นสถาบันในทางการเมือง และมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นสมาชิก เจ้าหน้าที่พรรค หรืออาสาสมัครของพรรค เขาก็มีสิทธิที่จะได้ร่วมรับฟังคำวินิจฉัยด้วยกันซึ่งก็จะอยู่ที่พรรค ช่วงเช้าตนก็จะเข้าสภาไปทำหน้าที่ของตัวเอง

เมื่อถามว่าถึงแม้ว่าจะมีการประเมินว่าจะไม่ถูกยุบ แต่มีรายงานข่าวว่าพรรคก้าวไกลมีการไปดีลพรรคสำรองไว้ โดยมีชื่อพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ออกมานั้น นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้น ตอนนี้ยังขอโฟกัสในเรื่องของการสู้คดีในการยุบพรรค เมื่อถึงเวลานั้นก็คงต้องพูดคุยกัน ณ ตอนนั้นอีกที ตอนนี้ภายในพรรคก็ยังไม่มีมติ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น  และหากคำตัดสินไม่เป็นคุณ ตนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคใหม่แล้ว ก็เข้าใจว่าพรรคการเมืองทั่วไป มันก็มีกฎเกณฑ์ในการที่จะต้องเรียกประชุมพรรค เรียกประชุม สส. ในการเลือกต่างๆ นานา ซึ่งตนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และคงตอบแทนไม่ได้  ยังเชื่อว่าวันพฤหัสบดีที่ 8 ส.ค.ก็ยังคงเข้าสภา และทำหน้าที่กับผู้นำฝ่ายค้านเหมือนเดิม ตอนนี้ก็คงจะเป็นโฟกัสของเรา ณ ปัจจุบัน

เมื่อถามว่าวันนี้ สส.ของพรรคก้าวไกลยังคงรักษาความเป็นปึกแผ่นเหมือนเดิมหรือไม่ หรือว่าเริ่มมีการแตกออกไปบ้างแล้วตามกระแสข่าว นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีตามกระแสข่าว ยังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และเท่าที่ดูในห้องแชตก็ยังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของกฎหมายต่างๆ ที่จะเข้าวาระ รวมถึงการทำหน้าที่กรรมาธิการงบประมาณตรวจสอบรัฐบาลอยู่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรต้องห่วง เมื่อถามต่อว่ายังไม่มีใครจะไปอยู่พรรคของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีครับ.