รายงานข่าวจาก ตลาดหลัทกรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติด อนุมัติการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ก่อนเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 30 ก.ย. 67 ดังนี้

อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) จำนวน 2,926,141,881 หุ้น ในอัตราการจัดสรร 4.5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 4.50 บาท และกำหนดระยะเวลาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในวันที่ 17-18 ต.ค. 67, 21-22 ต.ค. 67 และ 24 ต.ค. 67 (รวม 5 วันทำการ) โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในวันที่ 16 ส.ค. 67

โดยบริษัทฯ จะนำเงินทุนที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ไปใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ บริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC และบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT และเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อย

อนุมัติการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ของบริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขก่อนทำคำเสนอซื้อ (Conditional Voluntary Tender Offer) โดยบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัดส่วน 100% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทย่อย โดยหลักทรัพย์ที่จะเสนอซื้อ ได้แก่ หุ้นสามัญทั้งหมดของ ROCTEC จำนวน 6,716,524,538 หุ้น (ไม่รวมหุ้นสามัญที่บริษัทฯ ถืออยู่) คิดเป็น 82.74% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ ROCTEC ในราคาเสนอซื้อหุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 6,716,524,538 บาท

ปัจจุบัน ROCTEC (เดิมคือ MACO ทำสื่อโฆษณากลางแจ้ง) เป็นผู้ให้บริการด้านการวางงานระบบครบวงจร ที่มุ่งเน้นในหลากหลายภาคส่วนโดยมีความเชี่ยวชาญในการนำเสนอโซลูชันที่นำสมัย ได้แก่ ระบบการสื่อสารในอุตสาหกรรมรถรางระบบโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายข้อมูล ความปลอดภัยทางไซเบอร์ ฮาร์ดแวร์และระบบจอดิจิทัลแสดงผล และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรม ซึ่งมีความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจให้ครอบคลุมขอบเขตการบริการทั้งหมด ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การออกแบบ การจัดหา การวางระบบแผนงาน การติดตั้งไปจนถึงการซ่อมบำรุง

อนุมัติการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ของบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT โดยการทำ Conditional Voluntary Tender Offer โดยบริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อย โดยหลักทรัพย์ที่จะเสนอซื้อ ได้แก่

(1) หุ้นสามัญทั้งหมดของ RABBIT จำนวน 5,481,004,623 หุ้น (ไม่รวมหุ้นสามัญที่บริษัทฯ ถืออยู่) คิดเป็น 17.23% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ RABBIT

(2) หุ้นบุริมสิทธิทั้งหมดของ RABBIT จำนวน 8,109,121,267 หุ้น (ไม่รวมหุ้นบุริมสิทธิที่บริษัทฯ และบุคคลที่แสดงเจตนาไม่ขายหุ้นบุริมสิทธิในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ถืออยู่) คิดเป็น 25.49% ในราคาเสนอซื้อหุ้นละ 0.60 บาท คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 8,154,075,534 บาท

โดย RABBIT ประกอบธุรกิจพัฒนาและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ธุรกิจประกันชีวิต บริหารสินทรัพย์ และหลักทรัพย์จัดการกองทุน และลงทุนในกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน

โดยมูลค่าของหุ้นของ ROCTEC และ RABBIT ที่จะได้มาจากธุรกรรม ครั้งนี้ จะมีมูลค่าสูงสุดไม่เกินประมาณ 14,870,600,072 บาท ซึ่งประกอบด้วย มูลค่าของสิ่งตอบแทนจากธุรกรรม ROCTEC ไม่เกินประมาณ 6,716,524,538 บาท และมูลค่าของสิ่งตอบแทนจากธุรกรรม RABBIT ไม่เกินประมาณ 8,154,075,534 บาท

บริษัทฯ คาดว่าธุรกรรม ROCTEC แล RABBIT จะทำให้บริษัทฯ จะมีอำนาจควบคุม ROCTEC ซึ่งจะทำให้ ROCTEC สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทฯ ส่วนธุรกิจของ RABBIT บริษัทมองว่าจะเป็นธุรกิจที่สามารถเพิ่มผลตอบแทนให้แก่บริษัทฯ ในระยะยาวได้

โดยบริษัทฯ จะใช้แหล่งเงินทุนจากวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินในการชำระค่าหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นของ ROCTEC และ RABBIT ที่ตอบรับคำเสนอซื้อ ซึ่งบริษัทฯ มีแผนที่จะนำเงินเพิ่มทุนที่ได้จากการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ไปชำระคืนเงินกู้ยืมให้แก่สถาบันการเงิน

สำหรับการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI โดยมีมติอนุมัติให้ VGI ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวนไม่เกิน 8,805,480,334 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็น 44.03% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ VGI ภายหลังการเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.50 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 13,208,220,501 บาท ให้แก่ผู้ลงทุนจำนวน 4 ราย ดังนี้

1. กองทุน CAI Optimum Fund VCC บริหารจัดการโดย Capital Asia Investments Ptd. Ltd. จำนวน 2,900,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 14.50% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ VGI ภายหลังการเพิ่มทุน

2. กองทุน Si Suk Alley Limited บริหารจัดการโดย Argyle Street Management Limited จำนวน 2,805,480,334 หุ้น หรือคิดเป็น 14.03%

3. กองทุน Opus-Chartered Issuances S.A. บริหารจัดการโดย Agmoni Eyal, Bartelloni Andrea, Maier Daniel, Melizzi Nicola, Perin Paolo, Wenkel Tobias จำนวน 2,200,000,000 หุ้น หรือ 11%

4. กองทุน Asean Bounty ซึ่งอยู่ระหว่างจัดตั้ง บริหารจัดการโดย Finansia InvestmentManagement จำนวน 900,000,000 หุ้น หรือ 4.50%

ทั้งนี้ เพื่อให้การถือหุ้นของกองทุน Si Suk Alley Limited และ กองทุน AseanBounty ไม่ขัดต่อข้อจำกัดการถือหุ้นของคนต่างด้าวของ VGI VGI จะจัดสรรหุ้นบางส่วนให้กับบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ซื้อหลักทรัพย์เบื้องต้น (Initial Purchaser) และบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ซื้อหลักทรัพย์เบื้องต้น (Initial Purchaser)จะดำเนินการขายหรือโอนหุ้นดังกล่าวให้กับกองทุน Si Suk Alley Limited เพื่อให้กองทุน Si Suk Alley Limited ถือหุ้นดังกล่าว ในรูปของใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (NVDR)

ราคาเสนอขาย 1.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นส่วนลดจากราคาตลาด 4.63% ซึ่งเป็นส่วนลดไม่เกินร้อยละ 10 จากราคาตลาด ซึ่งคำนวณจากราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญของ VGI ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ย้อนหลัง 7 วันทำการติดต่อกัน ก่อนวันที่คณะกรรมการบริษัทของ VGI มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้พิจารณาและอนุมัติในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเท่ากับ 1.57 บาทต่อหุ้น การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ข้างต้น จะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน VGI ลดลงจาก 61.13% เหลือเท่ากับ 34.23%

นอกจากนี้ มีมติอนุมัติให้ VGI ออก และเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน ครั้งที่ 4 (VGI-W4) จำนวนไม่เกิน 1,119,451,967 หน่วย ซึ่งจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ VGI ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) โดยไม่คิดมูลค่า