วันที่ 2 ส.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้นำแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในช่วงไตรมาส 3 ระหว่างวันที่ 20 ส.ค.-20 พ.ย. 67 ซึ่งจะดำเนินโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาความยากลำบากของประชาชนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ระหว่างรอโครงการดิจิทัลวอลเล็ตดำเนินการ ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้และลดรายจ่ายของประชาชน ซึ่งจะเน้นในกลุ่มของผู้ประกอบการรายย่อยหรือเอสเอ็มอีเป็นหลัก โดยประเมินขั้นต้นว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นพื้นฐานก่อนที่ดิจิทัลวอลเล็ตออก  

“นายกรัฐมนตรีได้กำชับถึงการดำเนินโครงการนี้ว่า ไม่ให้กระทบกับร้านค้าย่อย ดังนั้นจะดึงร้านค้าย่อยเข้ามาร่วมในโครงการนี้ด้วย และคำนึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการลดราคาสินค้าถูกลง จะให้เกษตรกรถูกกักราคาและทำให้ผลประโยชน์มาอยู่ที่ผู้ค้าคนกลางได้ เป็นอีกเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ”

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้แบ่งเป็น 3 โครงการ ได้แก่ โครงการแรกเพื่อลดต้นทุนผู้ประกอบการรายเล็กหรือเอสเอ็มอี ผ่านการลดค่าเช่าร้านค้า ค่าเช่าแผงตลาด จำนวน 30,000 แผง ที่อยู่ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตลาดในสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่สำคัญ รวมทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์ 

ขณะโครงการที่สอง จะจัดตลาดนัดพาณิชย์ทั่วประเทศ กำหนดไว้ 4 รูปแบบ คือ 1.ตลาดพาณิชย์ ให้ผู้ประกอบการรายเล็ก โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 76 จังหวัด จะร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน จัดหาพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันในราคาถูก อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ทั้ง 76 จังหวัด ระยะเวลา 3 เดือน  

2.ตลาดนัดพาณิชย์บวกการจำหน่ายสินค้าธงฟ้า เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายเล็กได้ขายสินค้าและให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าราคาถูก กำหนดจัดในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ศาลากลางจังหวัด สถานที่ท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม ปั๊มน้ำมัน มหาวิทยาลัย ลานหน้าห้างค้าส่ง-ปลีก ลานหน้าห้างท้องถิ่น หมู่บ้านจัดสรร 3.ตลาดพาณิชย์บวกกับร้านธงฟ้า และหอการค้าแฟร์ ซึ่งจะเป็นงานใหญ่ ลดทั้งจังหวัด 

4.ตลาดพาณิชย์เคลื่อนที่บวกรถโมบายธงฟ้า จะส่งเข้าถึงพื้นที่ชุมชนห่างไกลทั่วประเทศ 

โครงการที่สาม ร่วมมือผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่ จัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ ภายใต้แคมเปญ “ลดกระหน่ำทั้งประเทศ” และในช่วงเทศกาล โดยมีผู้ประกอบการเอกชนพร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการส่วนนี้กับรัฐบาล