อีกทั้งการฉีดฟิลเลอร์คางยังเป็นการทำหัตถการที่ไม่มีอันตราย ทำให้วิธีนี้ได้รับความนิยมในปัจจุบัน สำหรับใครที่อยากจะปรับรูปหน้าให้สวยได้รูป ไปดูถึงข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คางกันได้เลยในบทความนี้ 

การฉีดฟิลเลอร์คาง แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
การฉีดฟิลเลอร์คางสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้หลากหลาย ดังนี้

  • คางสั้น: เหมาะสำหรับผู้ที่มีคางสั้น คางทื่อ หรือคางแหลม ช่วยให้คางยาวขึ้นและดูสมดุลกับใบหน้ามากขึ้น
  • คางถอย: ช่วยให้คางยื่นออกมา ชัดเจนขึ้น แก้ปัญหาใบหน้าดูยาว เผยรูปหน้าที่ชัดเจน
  • คางเหลี่ยม: ช่วยปรับให้คางดูเรียวขึ้น มุมคางกลมมน ลดเหลี่ยมของใบหน้า
  • คางบุ๋ม: เติมเต็มร่องบุ๋มบริเวณคาง ช่วยให้คางดูเรียบเนียนขึ้น
  • เสริมคางให้ดูมีมิติ: เพิ่มมิติให้กับใบหน้า ช่วยให้ใบหน้าดูมีรูปทรงชัดเจนขึ้น

เหมาะกับใคร?
การฉีดฟิลเลอร์บริเวณคาง เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคางดังที่กล่าวไปข้างต้น และต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น สมดุลกับใบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เห็นผลทันที และไม่ต้องการการผ่าตัด

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง

  • เห็นผลลัพธ์ทันที: หลังฉีดจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนทันที โดยไม่ต้องรอให้เนื้อฟิลเลอร์ค่อยๆ ปรับเข้าที่
  • ปลอดภัย: การฉีดฟิลเลอร์คางโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะใช้สารฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.)
  • รวดเร็ว: ใช้เวลาในการฉีดประมาณ 15-30 นาที
  • ไม่ต้องพักฟื้น: หลังฉีดสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ: แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินรูปหน้าและเลือกปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
  • อยู่ได้นาน: ฟิลเลอร์คางทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ สภาพผิว และการดูแลรักษา
  • ปรับเปลี่ยนได้: หากไม่พอใจกับผลลัพธ์ สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ออกได้
  • ราคาไม่แพง: เมื่อเทียบกับวิธีการผ่าตัด


ระยะเวลาในการคงอยู่ของฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์คางทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ สภาพผิว และการดูแลรักษา ทั้งนี้ประสิทธิภาพในการฉีดฟิลเลอร์ยังขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์แต่ละชนิดด้วย 

  • ฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนิค แอซิด: เป็นฟิลเลอร์ที่นิยมใช้มากที่สุด อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
  • ฟิลเลอร์คอลลาเจน: อยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน
  • ฟิลเลอร์ไขมัน: อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน


การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์คาง

  • ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการบวมแดง
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด
  • งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
  • ทานยาตามแพทย์สั่ง
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
  • ดื่มน้ำเยอะๆ
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์