เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 1 ส.ค. ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์  รมช.คลัง แถลงถึงการเปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ตผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ วันแรก ว่า เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นมา ซึ่งข้อมูล ณ เวลา 09.00 น. มีประชาชนขอรับสิทธิและผ่านกระบวนการแล้ว 2.3 ล้านคน และแน่นอนว่าเป็นเรื่องปกติที่ในช่วงต้นจะมีคนเข้าใช้บริการเยอะ อาจจะมีอะไรขลุกขลักบ้าง แต่ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างคลี่คลายแล้ว และแก้ไขไปตามจุด  สำหรับประชาชนที่ประสบปัญหาระบบที่ค้างหรือช้าคือ เมื่อมีคนเข้าไปใช้บริการเยอะ ระบบก็จะรอคิวนาน แต่หากค้างแล้วรู้สึกว่านานเกินไปก็แนะนำให้ลบแอปพลิเคชันออกก่อนแล้วค่อยโหลดใหม่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังมีคนเข้ามาใช้บริการเรื่อยๆ และคาดว่าวันแรกจะมีคนเข้าใช้บริการไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างพอใจ

รมช.คลัง กล่าวต่อว่า ขณะนี้เป็นช่วงเปิดให้ลงทะเบียนสำหรับผู้ที่มีสมาร์ตโฟน โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.-15 ก.ย.2567 ซึ่งถือว่ายังมีช่วงเวลาที่สามารถดำเนินการได้ และหลังจากนี้เมื่อคนกระจายตัวลงทะเบียนกันในแต่ละช่วงเวลาแล้ว ตัวโหลดของแอปพลิเคชันก็จะดีขึ้น และจะรองรับได้ตามเป้าหมาย ทั้งนี้ หากพบเจอปัญหาสามารถติดต่อศูนย์บริการ ศูนย์ไอทีของชุมชนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ทั่วประเทศ หรือสายตรงรัฐบาล 1111 อย่างไรก็ตาม เราได้มีการตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามปัญหาของประชาชนที่กระทรวงการคลัง

เมื่อถามถึงกรณีที่อาจจะมีการเปิดรับแลกเงินสดนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้ เพราะเงินยังไม่ถึง ตอนนี้ยังแลกไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากเกิดขึ้นจริง เราก็จะติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งมูลค่าเงินหนึ่งหมื่นบาทในดิจิทัลวอลเล็ตมีมูลค่าเท่ากับเงินหนึ่งหมื่นบาทที่เราถือ ซึ่งการไปแลกแล้วลด ถือเป็นเรื่องที่ขาดทุน ไม่ควรทำอยู่แล้ว ไม่ฉลาด ซึ่งการตรวจสอบของเรานั้น ในระบบจะถูกบันทึกไว้และสามารถตรวจสอบได้ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริงและถูกตรวจสอบพบก็จะต้องมีการดำเนินคดีอาญา จึงขอเตือนด้วยความหวังดี

เมื่อถามว่ากรณีฝ่ายค้านยก 4 เหตุผลมาขอปรับลดงบประมาณเพิ่มเติมปี 2567 ที่จะใช้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลจะมีอะไรชี้แจงเพิ่มเติมหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนชี้แจงไปหมดแล้ว ซึ่งทั้งหมดเป็นกระบวนการที่รอบคอบจากหน่วยงานหลายหน่วยงาน และมีการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนข้อห่วงใยก็สามารถมีได้ในเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องของเม็ดเงิน อย่างไรก็ตาม ย้ำว่ารัฐบาลจะดูแลอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ส่วนในมิติที่บอกว่าเราใช้นโยบายทางการคลังมากระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ก็เป็นห่วงความยืดหยุ่นของนโยบายทางการคลัง แต่ในข้อเท็จจริงคือนโยบายทางการคลังมีความยืดหยุ่นมากกว่าที่ท่านคิด สามารถรองรับกรณีใดๆ ในการบริหารจัดการราชการแผ่นดินได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา ไม่มีความเสี่ยง และไม่ได้อยู่ในจุดที่น่าห่วง

“เราจะใช้การกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้เพื่อทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นอยู่ในระดับที่เหมาะสมเกิดประโยชน์กับประชาชนทั่วประเทศ หรือจะรอให้เกิดวิกฤติก่อน แล้วใช้พื้นที่ทางการคลังที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น วันนี้รัฐบาลเลือกที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาวิกฤติที่เกิดขึ้นด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้”นายจุลพันธ์ กล่าว

เมื่อถามถึง กรณีการย้ายทะเบียนบ้าน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กลไกการย้ายทะเบียนบ้านเป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้โดยประชาชนอยู่แล้ว หากต้องการใช้เงินในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ ที่ไม่ใช่บ้านเกิด ซึ่งโครงการนี้คร่อมระยะเวลาเป็น 6 เดือน ก็สามารถย้ายทะเบียนบ้านได้ แต่โครงการนี้เราจะล็อกวันที่ลงทะเบียน นั่นคือทะเบียนบ้านที่ท่านบันทึกไว้สำหรับการใช้เงินในโครงการนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการอนุโลมไม่ว่ากรณีใดๆ  เมื่อถามย้ำว่า หากย้ายทะเบียนบ้านจะผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ ในข้อเท็จจริงหากคนตัดสินใจเช่นนั้น ท่านเป็นประชากรแฝงอยู่ในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร และไม่คิดว่าคนทุกคนจะย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ หมด