เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่กองทัพอิสราเอลระบุว่า ได้ปฏิบัติการโจมตีกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน โดยมุ่งสังหารผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีเมืองมัจดาล ชามส์ เมื่อที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา จนส่งผลให้มีเยาวชนเสียชีวิต 12 รายนั้น ฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอล ประเมินว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์อาจตอบโต้การโจมตีดังกล่าว ด้วยการยิงจรวดขีปนาวุธไปที่กรุงเทลอาวีฟ นครเยรูซาเลม และเมืองไฮฟา ของอิสราเอล ดังนั้น กองทัพอิสราเอลจึงสั่งการให้พลเรือนทางตอนเหนือของอิสราเอลไม่อยู่รวมตัวกัน และให้ยกเลิกกิจกรรมที่ไม่จำเป็น จนกว่าจะมีการประกาศเพิ่มเติม เช่นเดียวกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้ประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่พำนักและทำงานอยู่ในบริเวณภาคเหนือใกล้ชายแดนของเลบานอน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 2,000 คน ให้ใช้ความระมัดระวังและปฏิบัติตามคำสั่งของทางการ รวมทั้งพยายามอยู่ในบริเวณที่ใกล้กับหลุมหลบภัยด้วย

นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ในกรณีฉุกเฉิน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้เตรียมแผนสำหรับอพยพคนไทยในพื้นที่ตอนเหนือออกมายังจุดปลอดภัยแล้ว และขอย้ำเตือนคนไทยที่ยังอยู่ในพื้นที่เสี่ยงว่า ขอให้มองความสำคัญของชีวิตเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้คนไทยในพื้นที่ดังกล่าว ติดตามสถานการณ์จากทางการท้องถิ่น และประกาศแจ้งเตือนจากสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ รวมทั้งพิจารณาหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงด้วย