จากกรณีที่นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก และอดีตผู้สมัคร สส.ขอนแก่น พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือ “เป๊กโก้” เดินทางเข้ารายงานตัวต่อศาลจังหวัดขอนแก่น ตามการนัดหมายของศาลวันนี้ เพื่อสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน คดีเลขดำที่ อ694/2567 ระหว่างโจทก์ คือ พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น กับจำเลย คือนายสมรักษ์ คำสิงห์ และพวกรวม 2 คน ฐานความผิดร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, ร่วมกันพาบุคคลเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจารแก่บุคลอายุกว่า 15 ปี โดยการใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 31 ก.ค. ที่ ศาลจังหวัดขอนแก่น นายสมรักษ์ คำสิงห์ จำเลยที่ 1 นายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือ “เป๊กโก้” จำเลยที่ 2 และนายอิทธิศักดิ์ เขาพลอยแหวน ทนายความ ได้เดินทางออกจากอาคารสำนักงานศาล หลังผู้พิพากษาได้ใช้เวลาในการสอบคำให้การและตรวจสอบพยานหลักฐานของทั้ง 2 ฝ่าย โดยในระหว่างการสอบคำให้การและตรวจสอบพยานหลักฐาน ศาลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าร่วมรับฟังภายในห้องพิจารณาคดี โดยให้อยู่ในพื้นที่ที่ศาลกำหนดไว้ให้เท่านั้น

นายสมรักษ์ กล่าวว่า ไม่ขอให้สัมภาษณ์แบบเป็นทางการ แต่ก็ไม่มีความกังวลใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะมั่นใจว่าตนเองไม่ได้มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนในรายละเอียดขออนุญาตไม่พูดถึง ขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ใครจะผิดหรือถูกอย่างไรขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งที่ผ่านมา ตนเองก็เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน และเดินทางมาที่ศาล เพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายตลอด ไม่ได้หลบหนีไปไหน

ขณะที่นายอิทธิศักดิ์ เขาพลอยแหวน ทนายความของจำเลย กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ได้นำพยานเอกสารหรือพยานวัตถุที่จะนำสืบต่อศาล ก่อนวันสืบพยาน เพื่อให้อีกฝ่ายมาตรวจสอบ ก่อนถึงกำหนดนัดสืบพยาน โดยเบื้องต้น ตนเองในฐานะทนายฝ่ายจำเลย ได้แสดงเจตจำนงไม่ยอมรับพยานเอกสารที่อัยการฝ่ายโจทก์นำมาแสดงต่อศาล เนื่องจากเอกสารที่นำมาไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ซึ่งขอไม่เปิดเผยในรายละเอียด โดยข้อเท็จจริงทั้งหมด จะว่ากันในขั้นตอนของการสืบพยานฝ่ายโจทก์และจำเลย ซึ่งศาลได้กำหนดให้มีขึ้น ระหว่างวันที่ 12-14 พ.ย. รวม 3 วัน.