เมื่อวันที่ 31 ก.ค. จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 7 ได้โพสต์ข้อความเขียนถึงภารโรงท่านหนึ่ง ทราบต่อมาเป็นลูกสาวของผู้เสียหาย ระบุข้อความจับใจความพอสังเขป ว่า พ่อทำงานเป็นภารโรงมากว่า 10 ปี มีหน้าที่ขับรถรับส่งนักเรียนโดยใช้รถของโรงเรียน เป็นรถยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฮีโร่ ซึ่งเป็นรถเก่ามีอายุมากกว่า 37 ปี แต่เกิดปัญหารถพัง

โรงเรียนเอาไปซ่อมต้องจ่ายค่าซ่อมเกือบ 25,000 บาท ผอ.โรงเรียนให้ภารโรงซึ่งเป็นคนขับรถจ่ายค่าซ่อมทั้งหมด โดยเริ่มจากการหักเงินเดือนครั้งแรก 9,500 บาท จากเงินเดือน 10,000 บาท ถึงขั้นเขียนใบลาออกจากการเป็นนักการภารโรง เพราะลูกสาวไม่พอใจ เนื่องจากสาเหตุมาจากเครื่องยนต์เก่าและใกล้จะพังแล้ว

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบว่า นักการภารโรงคนดังกล่าว คือนายกฤษณะ หรือหนึ่ง พิทักษ์เกิด อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 หมู่ 1 ต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ตำแหน่งนักการภารโรง โรงเรียนเทศบาลตำบลนาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์

ชีวิตภารโรง! รถโรงเรียนพัง ถูกสั่งให้จ่ายค่าซ่อม หักเงินเดือนจนหมด สุดท้ายลาออก

นายกฤษณะ เล่าว่า ตนเป็นนักการภารโรงมาได้ประมาณ 10 ปี ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 10,000 บาท ในช่วงหลัง ผอ.โรงเรียนได้ให้เป็นคนขับรถรับส่งนักเรียน โดยใช้รถของโรงเรียน เป็นรถยนต์ติดคอกทำเป็นรถสองแถว มีหน้าที่ขับรถไปรับและส่งนักเรียนตามหมู่บ้านแล้วเอามาส่งที่โรงเรียน

นายกฤษณะ เล่าด้วยว่า รถยนต์สองแถวคันดังกล่าวที่ตนขับไปส่งนักเรียนเป็นรถรุ่นเก่า อายุจนถึงตอนนี้ประมาณ 37 ปี มีข้อเสียหลายอย่าง โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่ทรุดโทรม ต้องเติมน้ำมันเครื่องทุกวัน เนื่องจากเครื่องยนต์หลวม

ก่อนเกิดเหตุตนลางาน 2 วันในช่วงวันที่ 1-2 ก.ค. เพราะต้องไปทำธุระที่กรุงเทพฯ ทราบภายหลังว่า ผอ. ให้นายปัญญา ปักกาโต รองปลัดเทศบาลตำบลนาโพธิ์ ซึ่งรักษาการ ผอ.โรงเรียน เป็นคนขับรถรับ-ส่ง นักเรียนแทน หลังกลับมา รักษาการ ผอ. เรียกไปพบว่ารถรับส่งนักเรียนเครื่องยนต์พัง ต้องเอาไปซ่อม โดยจะให้ตนรับผิดชอบค่าซ่อมทั้งหมด ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าค่าซ่อมรถเท่าไหร่ ตนก็ฟังเอาไว้

กระทั่งบิลค่าซ่อมรถจากร้านซ่อมออกมา ยอด 24,600 บาท ต่อมา รักษาการ ผอ. ได้เรียกตนให้ไปคุย โดยสรุปเบื้องต้นว่าให้รับผิดชอบค่าซ่อมรถทั้งหมด ตอนนั้นยอมรับว่าอึ้ง เพราะตนเพียงแค่เป็นคนขับรถให้ จนล่าสุดเงินเดือนสิ้นเดือนนี้ ตนถูกหักเงินเดือนไปทั้งหมดที่เหลือ 9,500 บาท จากเงินเดือน 10,000 บาท เพราะประกันสังคมหักไป 500 บาท แต่ยังไม่วายที่ ผอ. จะตามจี้เอาเงินส่วนที่เหลือจากค่าซ่อมอีก 15,000 บาท

ตนจึงตัดสินใจเขียนใบลาออกจากการเป็นภารโรง หลังจากนั้นลูกสาวตนได้โพสต์ขอความช่วยเหลือ จนกระทั่ง ผอ. เรียกตนเข้าไปพูดคุยว่าจะให้กลับมาทำงานต่อ แต่ต้องหักส่วนที่ค้างจ่ายค่าซ่อมอีก 15,000 บาท โดยจะหักเงินเดือน เดือนละ 3,000 บาท รวม 5 เดือน

นายกฤษณะ เล่าด้วยว่า จริงแล้วตนเป็นนักการภารโรง แต่เมื่อผู้บังคับบัญชาให้ทำหน้าที่ให้ขับรถตนก็ยอม แต่การให้จ่ายค่าซ่อมให้ตนมองแล้วไม่ยุติธรรม เพราะรถอยู่ในสภาพเก่า ต้องเติมน้ำมันเครื่องทุกวันเพื่อหล่อเลี้ยงให้วิ่งได้ในแต่ละวัน สาเหตุที่รถพังเพราะคนขับรถแทนไม่เติมน้ำมันเครื่อง ทั้งนี้ จะเติมน้ำมันเครื่องหรือไม่เติมรถก็จะพังเหมือนเดิม เพราะรถอยู่ในลักษณะระยะสุดท้ายแล้ว

ด้านนางศุกภรักษ์ พิทักษ์เกิด อายุ 49 ปี ภรรยานักการภารโรง เล่าว่า ยอมรับว่าครอบครัวเจ็บปวดที่ถูกกระทำในลักษณะนี้ เงินเดือนโดนหักไปทั้งหมด แต่ครอบครัวมีภาระที่ต้องจ่ายประจำเดือน ต้องไปกู้เงินนอกระบบไปเสริมสภาพเพื่อให้อยู่ได้ ส่วนหนึ่งก็ยังอยากจะให้สามีไปทำงาน ถึงแม้จะโดนหักอีกเดือนละ 3,000 อีก 5 เดือน จนครบ 15,000 บาท แต่ลูกสาวไม่ยอม เพราะดูเหมือนจะไม่ได้รับความยุติธรรม