จากกรณีที่มีรายงานข่าวว่า ในวันที่ 31 ก.ค. เวลา 10.00 น. ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน และครอบครัวของนายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือ เสี่ยโป้ จำเลยสำคัญในคดีชักชวนเล่นพนันออนไลน์และฟอกเงิน คดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2550 จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ภายในเรือนจํากลางบางขวาง เนื่องจากมีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่ถูกคุมขังในระหว่างพิจารณาคดีเสมือนเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาด อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังมีการกล่าวอ้างว่า “เสี่ยโป้” ได้ถูกนักโทษเด็ดขาดภายในเรือนจำกลางบางขวาง พยายามลอบฆ่าในช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมาหลายครั้ง โดยไม่รู้ว่ามีใบสั่งจากผู้มีอิทธิพลหรือไม่ ทางครอบครัวของเสี่ยโป้ เกรงว่าจะเกิดเหตุเสียชีวิตระหว่างคุมขังได้ จึงประสงค์เดินทางไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้มีการตรวจสอบประเด็นดังกล่าว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 30 ก.ค. “ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์” ได้รับการเปิดเผยจาก นายยุทธนา นาคเรืองศรี ผบ.เรือนจำกลางบางขวาง ว่า สำหรับเหตุการณ์การพยายามลอบฆ่า “เสี่ยโป้ อานนท์” ภายในเรือนจำกลางบางขวาง ตนยืนยันว่าไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ซึ่งทางเรือนจำฯ ได้รับตัวเสี่ยโป้มาคุมขังได้ระยะเวลาประมาณ 1 ปีแล้ว หากมีการพยายามลอบฆ่าเสี่ยโป้ภายในแดนขังจริง ตามที่มีการกล่าวอ้าง เจ้าตัวอาจเสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนลักษณะนิสัยของเสี่ยโป้นั้น เจ้าตัวค่อนข้างเป็นคนโผงผางและไม่ค่อยกลัวใคร ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยที่อาจจะแปลกแยกจากผู้ต้องขังรายอื่น แต่ในเรื่องของการลอบทำร้ายกันภายในแดนขัง ยืนยันได้ว่าไม่มี อีกทั้งปัจจุบันนี้เจ้าตัวยังอยู่ในแดนควบคุมพิเศษ หรือแดน 10 และเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้เข้าปฏิบัติหน้าที่จู่โจมแดน 10 เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ภายในแดน ก็ไม่พบสิ่งของอันตรายใด นอกจากเสื้อผ้าที่เป็นสัมภาระเกิน ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ทั้งนี้เรือนจำกลางบางขวางมีมาตรการดูแลผู้ต้องขังเด็ดขาดทุกรายอย่างเข้มงวด

ด้าน นพ.สมภพ สังคุตแก้ว หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ และในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ที่มีการกล่าวอ้างนั้น ตนยังไม่ได้ได้รับรายงานจากทางผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวางแต่อย่างใด ซึ่งกระบวนการตรวจสอบในข้อเท็จจริงต่าง ๆ หรือการตรวจสอบวินัยของผู้ต้องขังในกรณีที่มีการกระทำความผิดภายในเรือนจำฯ ถือเป็นอำนาจการบริหารโดยตรงของ ผบ.เรือนจำฯ ซึ่งถ้าในวันพรุ่งนี้ (31 ก.ค.) ทางครอบครัวหรือทนายความของผู้ต้องขังมีความประสงค์ร้องเรียนเรื่องราวกับทางกระทรวงยุติธรรม ก็สามารถดำเนินการได้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีการที่เล็งเห็นว่าผู้ต้องขังถูกเลือกปฏิบัติหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเรื่องจะถูกประมวลส่งไปยังเรือนจำต้นสังกัดให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะที่ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ (ส่วนกลาง) จะมีหน้าที่ในการรับทราบเรื่องราว อาทิ เอกสารรายละเอียดต่างๆ ที่มีการร้องเรียนนั้น มีการแจ้งระบุพฤติการณ์ของเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ใครทำอะไรบ้าง รวมถึงวันที่และเวลาการเกิดเหตุ จากนั้นข้อมูลต่าง ๆ จะถูกพิจารณาเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงภายในเรือนจำต้นสังกัด เพื่อให้ ผบ.เรือนจำฯ ไปดำเนินการตรวจสอบมูลเหตุว่ามีการทะเลาะวิวาทอย่างไรหรือไม่ และหากมีข้อเท็จจริงปรากฏก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของคณะกรรมการลงโทษทางวินัยผู้ต้องขังว่าต้องย้ายแดน หรือมีคำสั่งบังคับโทษ

โฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยอีกว่า ส่วนใหญ่ผู้ต้องขังที่ถูกคุมขังยังเรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งถือเป็นเรือนจำความมั่นคงสูง มักจะไม่ค่อยก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้ต้องขังรายอื่นๆ ในแดน เนื่องจากรับทราบกฎระเบียบวินัยของผู้ต้องขังดีว่า หากมีการก่อเหตุทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นก็จะถูกใช้พิจารณาเรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้ต้องขังได้ เช่น ไม่ได้รับการปรับ เลื่อน ลดชั้นผู้ต้องขัง หรืออาจถูกบังคับโทษทางวินัย เป็นต้น และผู้คุมเรือนจำฯ ก็มีการตรวจตราความเรียบร้อยภายในแดนสม่ำเสมอ.