เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ห้องประชุม สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษฯ ร่วมกันเปิดเผยความคืบหน้าผลทางคดี ภายหลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด 3 นักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็น นายกเทศมนตรี และนายก อบต. โดยที่ทาง ป.ป.ช.มีการส่งสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน คำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งนักการเมืองท้องถิ่นทั้ง 3 ราย ขณะนี้กำลังเผชิญหน้าต่อสู้คดีความทุจริตในชั้นศาล

โดยความคืบหน้าคดีที่ 1 ผู้ถูกกล่าวหารายแรก ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า นายวีระชัย รุณแสง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาขาว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพหลังสืบพยานไปบ้างแล้วเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้สองในห้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้คงจำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา และผลทางอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญาเช่นเดียวกัน จากคดีทุจริตการจัดจ้างโครงการขุดลอกคลองส่งน้ำ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการขุดลอกคลองส่งน้ำห้วยด้วน โครงการขุดลอกคลองห้วยด้วน-วังไทร และโครงการขุดลอกคลองส่งน้ำริมถนนห้วยยอด 100 ปี พร้อมกำจัดวัชพืชและปรับถมดินขอบคลองตามสภาพ รวมวงเงิน 1,098,000 บาท

คดีที่ 2 ผู้ถูกกล่าวหารายเดียวกันรายเดียวกัน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ชั้นต้นมีคำพิพากษา นายวีระชัย รุณแสง หรือนายก หมุน อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาขาว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้จำคุก 2 ปี 6 เดือน ให้จำเลยรับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาคดีแรก จากคดีทุจริตเกี่ยวกับโครงการบุกเบิกถนนสายเทศารัษฎา-บ้านนายท้าย หมู่ที่ 2 ต.เขาขาว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ข้อหาอื่นให้ยก

ส่วนบุคคลที่ 2 นายธรรมศทรรศ กี่สุ้น (นายทักษนัย กี่สุ้น) อดีตเทศมนตรี ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง (จำเลยที่ 1) กรณีถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลมีการทุจริตตามาตรา 151, 152, 157 ในการดำเนินโครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนน หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และมีจำเลยร่วมด้วยอีก 5 ราย ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ชั้นต้นมีคำพิพากษา นายธรรมศทรรศ จำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ให้จำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 2-6 พิพากษามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 83, 86 ให้จำคุก 3 ปี 4 เดือน ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 2 เดือน 20 วัน โดยไม่รอลงอาญา

อย่างไรก็ตามสำหรับ นายธรรมศทรรศ ยังคงเหลือรอผลคำพิพากษาอีก 2 คดี ภายหลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลและได้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาไปแล้วทั้งหมด 3 คดี

และบุคคลที่ 3 นายพีรพนธ์ ลังเมือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาไม้แก้ว อ.สิเกา จ.ตรัง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ชั้นต้นมีคำพิพากษา ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 5 หมื่นบาท จำเลยให้การรับสารภาพให้รอลงอาญา 2 ปี จากกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลออกหนังสือเอื้อเอกชนรุกป่าชายเลน 13 ไร่ ในพื้นที่ถนนสายช่องราโพธิ์-ทุ่งขี้เหล็ก-ถนนต้นม่วง ระยะทาง 1,130 เมตร ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองกะลาเส ป่าคลองไม้ตาย และอยู่ในพื้นที่จำแนกเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ป่าชายเลน.