เมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 ก.ค. รัฐบาลได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จไปในงานด้วย

โดยเวลา 18.45 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินถึงทำเนียบรัฐบาล กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภริยา และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เฝ้าฯ รับเสด็จ ณ รถยนต์พระที่นั่ง

จากนั้น นายกรัฐมนตรีถวายความเคารพ แล้วกราบบังคมทูลรายงานรับเสด็จ ภริยานายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัย เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ไปยังห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงลงพระนามาภิไธย ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตทูลเกล้าฯ ถวายของที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ตามลาดพระบาท ไปยังที่ประทับ ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี เสด็จเข้าสู่โถงกลาง ตึกสันติไมตรี วงดนตรีบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับพระราชอาสน์ ณ แท่นที่ประทับ นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตกล่าวถวายพระพรชัยมงคล ความว่า “ขอพระราชทานกราบบังคมทูล ทรงทราบฝ่าละอองพระบาท เนื่องในศุภวาระมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2567 ข้าพระพุทธเจ้า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในนามของคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า มีความปีติปราโมทย์เป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาในงานสโมสรสันนิบาตที่รัฐบาลจัดขึ้น เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันนี้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาปวงข้าพระพุทธเจ้าต่างประจักษ์ในพระราชวิริยอุตสาหะ และพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้งปวงเพื่อรักษา สืบสาน และต่อยอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชบุรพการีเสมอมา ความสุขของอาณาประชาราษฎร์ จึงมีแต่เพิ่มพูนขึ้น พร้อมกันนั้นทุกข์ภัยความยากลำบากต่าง ๆ ของพสกนิกร ก็พ่ายแพ้แก่พระบารมี นำมาซึ่งความปีติยินดีและความโสมนัสเป็นที่ยิ่งแก่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย และเพิ่มพูนขึ้นเป็นพิเศษในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบหกรอบคราวนี้

ในวาระอันเป็นมหามงคล ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชานุญาต เชิญชวนผู้ที่ชุมนุม เฝ้าทูลละอองพระบาท ณ ที่นี้ ร่วมกันตั้งจิตน้อมอธิษฐาน ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดอภิบาลรักษาให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย ทรงพระเกษมสำราญ พระบรมเดชานุภาพ และพระบารมีแผ่ไพศาล มีพระราชประสงค์ จำนงหมายสิ่งใด ขอจงสฤษดิ์ดั่งพระราชหฤทัยปรารถนา สถิตในไอศวรรย์ราชสมบัติ เป็นมิ่งขวัญฉัตรแก้วร่มเกล้า ของปวงข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าพสกนิกรชาวไทยตราบนิรันดร์ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม”

วงดนตรีบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จบแล้ว นายกรัฐมนตรีกล่าว “ทรงพระเจริญ” 3 ครั้ง จากนั้น นายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

โอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทอดพระเนตรการแสดงเฉลิมพระเกียรติ ชุด “มหาเทพประทานพร” และการขับร้องเพลง “สดุดีจอมราชา” โดยวง Yala City Municipality Youth Orchestra จากนั้นเสด็จลงจากที่ประทับ ทรงพระดำเนินผ่านแถวผู้มีเกียรติที่มาเฝ้าฯ เสด็จออกจากตึกสันติไมตรี นายกรัฐมนตรีและภริยา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่งเสด็จ ณ รถยนต์พระที่นั่ง

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ กลับ กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงส่งเสด็จ

สำหรับการจัดงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ครั้งนี้ รัฐบาลได้เชิญผู้ร่วมงานทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายต่างประเทศเช่นที่เคยเชิญในงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติฯ โดยเชิญผู้ได้รับเชิญพร้อมคู่สมรส จำนวนทั้งหมดประมาณ 1,956 คู่ ประกอบด้วย พระราชวงศ์ ส่วนราชการในพระองค์ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ อดีตนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการการเมืองในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ทหารตำรวจ ระดับเจ้ากรม หรือตำแหน่งหลักทางบริหารระดับพลโทขึ้นไป เอกอัครราชทูต เอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยซึ่งมีถิ่นพำนักในต่างประเทศ กงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศต่าง ๆ ประจำประเทศไทย และกงสุลอาชีพ ผู้แทนสหประชาชาติในประเทศไทย หัวหน้า รองหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ประธานสภา สมาคมต่าง ๆ / สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย) ประธานมูลนิธิ (ในพระบรมราชูปถัมภ์) ผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ (สื่อมวลชนและสื่อมวลชนต่างประเทศที่ประจำประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายภาคเอกชน.