เริ่มวันแรกขอ การทำงาน หลังหยุดยาวในช่วงเทศกาลสำคัญ ซึ่งความเคลื่อนไหวแรก ที่ต้องจับตามองคงหนีไม่พ้นที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่มี”นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะมีวาระสำคัญอะไรนำมาพิจารณาบ้าง ทั้งความคืบหน้าการแจกเงินหมื่น ภายใต้โครงการดิจิทัล วอลเล็ท จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมอีกหรือไม่ โดยเฉพาะเงื่อนไขต่างๆ แม้ว่ารัฐบาลประกาศชัดว่า ประชาชนที่มีสิทธิ์จะได้เงินในเดือนธ.ค. แต่ตราบใดที่เงินยังไม่ถึงมือ ทุกอย่างยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอด การแต่งตั้งบุคคลในตำแหน่งสำคัญ ความคืบหน้าในการผลักดันพ.ร.บ.ควบคุมการใช้กัญชา จุดยืนของรัฐบาลจะใช้ร่างของใครเป็นหลัก หลังนายกฯสนับสนุนให้ใช้กฎหมายเข้าไปควบคุม

อีกทั้งต้องรอดูคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี”นายชูศักดิ์ ศิรินิล “จากพรรคเพื่อไทย(พท.) จะนำเสนอผลการพิจารณา ต่อที่ประชุมครม. หรือไม่ เนื่องจากมีข้อเสนอต้องการใหรัฐบาล เป็นผู้ผลักดันพ.ร.บ. ดังกล่าว ซึ่งทางคณะกมธ.ต้องนำเสนอรายงานต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย ต้องรอดูว่าจะบรรจุวาระในที่ประชุมสภาฯเมื่อไหร่ โดยเนื้อหาประกอบด้วย 1.ให้นิรโทษกรรมคดีที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง นับตั้งแต่ปี 2548 จนถึงวันที่กฎหมายนิรโทษกรรมมีผลบังคับใช้  2.คดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน คือคดีที่เกี่ยวกับความผิดต่อชีวิตมาตรา 288 และมาตรา 289 ซึ่งเป็นคดีที่ถือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับการนิรโทษกรรม

3.คดีที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง ได้แก่ คดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 และมาตรา 112 ทาง กมธ.ไม่สามารถหาข้อสรุปที่เป็นมติของ กมธ.ได้ เนื่องจากกมธ.เสียงแตก หลังจากคุยประเด็นนี้หลายสัปดาห์ เพราะ กมธ.จากพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน เช่น ภูมิใจไทย(ภท.)-รวมไทยสร้างชาติ (รทสช. )ชาติไทยพัฒนา (ชพน) ประชาธิปัตย์(ปชป. ) รวมถึงจากพท.บางคน เช่น”นพดล ปัทมะ” อดีตทนายความส่วนตัวของทักษิณ ที่ไม่เห็นด้วยกับการให้นิรโทษคดี 112

ขณะที่ กมธ.จากพรรคก้าวไกล(ก.ก. )-สายนักวิชาการ รวมถึง กมธ.พท.สายเสื้อแดง เห็นด้วยให้มีการนิรโทษกรรมคดี 112 แต่ในกลุ่มนี้ก็ยังเห็นต่างกัน เป็นนิรโทษแบบมีเงื่อนไขกับนิรโทษแบบไม่มีเงื่อนไข จนสุดท้ายเมื่อหาข้อสรุปไม่ได้ จึงต้องใช้วิธีให้มีการ บันทึกความเห็นของกมธ.แต่ละคนไว้ในรายงานของ กมธ.ที่เสนอต่อสภาฯ เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานเอกสารว่า กมธ.แต่ละคนจากพรรคการเมืองใด หรือ กมธ.คนนอกที่ไม่ได้เป็นนักการเมือง ใครสนับสนุนให้นิรโทษกรรม 112 และใครคัดค้าน ตลอดจนบุคคลใดเสนอให้นิรโทษกรรม แต่ให้นิรโทษแบบมีเงื่อนไข เช่นต้องห้ามกระทำความผิดซ้ำ

ซึ่งคงต้องรอดูท่าทีรัฐบาล จะมีแนวทางอย่างไรต่อการเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยิ่งพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง ภท. รทสช. พปชร. และ ชพน. ต่างไม่เห็นด้วยกับการล้างผิด ให้พวกกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้ง”นายทักษิณ ชินวัตร”ผู้มากบารมีในรัฐบาลและพรรคพท. มีคดี112 ติดตัวอยู่ด้วย

ส่วนปมร้อนอีกประเด็น หนีไม่พ้นศาลรัฐธรรมนูญ(รธน.)นัดอ่านคำวินิจฉัยในคดียุบพรรคก.ก. วันที่ 7 ก.ย. จากข้อหาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งก่อนหน้านี้ “เพจพรรคก้าวไกล” ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอ ความยาวประมาณ 8 นาที ในหัวข้อ “จากอนาคตใหม่ สู่ก้าวไกล สู่อนาคต” ซึ่งคลิปดังกล่าวเป็นการสัมภาษณ์ สส.ระดับแกนนำพรรค คือ “น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล”รองหัวหน้าพรรค “นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” รองเลขาธิการพรรค และ “นายพริษฐ์ วัชรสินธุ” โฆษกพรรค ว่า วันที่ 7 ส.ค.นี้ จะเกิดอะไรขึ้น และพรรคจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

อย่างไรก็ตามคลิปดังกล่าวไม่ปรากฏการให้ความเห็นของ “นายชัยธวัช ตุลาธน “ หัวหน้าพรรคก.ก. และ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก.ก. เลยถูกความว่า แกนนำพรรคสีส้มรู้ชะตากรรมว่า ผลการตัดสินคดีจะออกมาในทางลบ เลยเริ่มโชว์วิสัยทัศน์ของแกนนำพรรค ที่จะต้องมารับไม้ต่อ ดังนั้นคงต้องตามประเด็นว่า พรรคใหม่ที่จะมารองรับสส. พรรคก.ก.ใช้ชื่ออะไร จะถูกพรรคการเมืองไหนดึงตัวไปสร้างอำนาจต่อรองทางการเมืองหรือไม่

ขณะที่ คุณไหม“ ศิริกัญญา ” ซึ่งถูกจับตามมองมากว่า จะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำรุ่นต่อไป ให้ความเห็นไว้ในคลิปตอนหนึ่งว่า หากพรรคก.ก.ถูกยุบ ก็ไม่ได้ทำให้ประชาชนเปลี่ยนใจ หรือรู้สึกหมดหวังได้ เพราะพรรคก.ก.ได้กลายเป็นสถาบันการเมืองไปแล้ว ไม่ว่าคนจะเปลี่ยนไปกี่รุ่น หัวหน้าพรรคจะเปลี่ยนไปกี่คน แต่ความเป็นอนาคตใหม่(อนค.) และความเป็นก.ก. จะยังคงอยู่ ไม่ว่ายานพาหนะต่อไปจะชื่อว่าอะไรก็ตาม

นอกจากนี้”น.ส.ศิริกัญญา”ยังกล่าวกับสื่อว่า พร้อมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค และเตรียมการไว้แล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจริง สส.ก็พร้อมที่จะไปอยู่บ้านหลังใหม่ด้วยกัน และเห็นว่าการประเทศไทย มีผู้นำพรรคการเมืองที่เป็นผู้หญิงมากขึ้น ตนคิดว่าน่าจะเป็นมิติใหม่ที่ดี

จากนี้ไปจนถึงวันที่ 7ส.ค. ต้องจับตามอง”พรรคก.ก.”แบบไม่กระพริบตา ยิ่งมีสถานะเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพการเมืองมากพอสมควร โดยเฉพาะพรรคใหม่ที่จะย้ายไปสังกัด หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับพรรคเดิม จะใช้ชื่อพรรคอะไร

ส่วนเรื่องร้อนสุดท้ายคือความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)จากกรณี”นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช “สมาชิกพรรคพปชร. มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเชิงต่อว่า และตำหนิ การทำงานของรัฐบาล ที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ด้วยถ้อยทำที่รุนแรง รวมไปถึงการเผยแพร่เพลงที่เกี่ยวข้องกับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพปชร. ออกมาทั้ง 2 เพลง เหมือนต้องการเกาะกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น ทำให้ บรรยากาศในกลุ่มไลน์ สส.ของพรรค พปชร. ที่มีสมาชิกอยู่ประมาณ 40 คน ค่อนข้างดุเดือด 

โดย สส.ส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น พวกเราทุกคนเป็น สส. ที่ผ่านเลือกตั้ง จะไม่ยอมเดินตามคนนี้ วันนี้ปล่อยให้บุคคลภายนอกมา ชักจูงกำหนดทิศทางในพรรคถือว่า เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เนื่องจาก 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวสารของพรรคที่ออกไปสู่ภายนอก  มีแต่ชื่อ”สามารถ” และอดีต สส.สอบตกที่เข้ามาใหม่ตลอด ทำให้การทำงานของ สส.ในสภา ที่พยายามยกระดับพรรค สร้างผลงานให้พรรค นโยบายของพรรค หรือทิศทางพรรคหายไปหมด

นอกจากนี้ ยังมีข้อความที่แสดงความคิดเห็นอย่างรุนแรง โดยระบุว่า “เราจะเดินตามพวกสวะมานำเราหรือ ผมจะไม่ทนให้พวกนี้มาทำลายพรรคที่พวกเราก็ตั้งมาอีกต่อไป ซึ่งผมไม่อยากให้ใครก็ไม่รู้ คนที่ไม่เคยทำประโยชน์ให้พรรค มาแสดงตนเป็นตัวแทนพวกเรา พรรคเรามีโฆษกคนใหม่ มีทีมสื่อสาร รุ่นใหม่ที่เน้นความสร้างสรรค์ ”จ๊อบ สามารถ“เป็นใคร รู้จักพี่น้อง สส.หรือไม่ พรรคจะเละก็ไอ้พวกนี้แหละ เอาอะไรไม่รู้มาสร้างความปั่นป่วน วุ่นวายเต็มพรรคไปหมด ทำอะไรไม่เคยถามความเห็นพวกพี่น้อง สส.เลย ขอร้องเถอะ อย่าให้คนที่ไร้ความคิดไร้สติปัญญา มากำหนดอนาคตทางการเมืองให้พวกเราเลย ก่อนที่พรรคมันจะเละไปกว่านี้

นอกจากนี้สส.บางคนของพรรคระบุว่า ว่า ในวันอังคารนี้ (30 ก.ค.67) ที่จะมีการประชุมพรรค จะขอคุยกับนาย คุยตรงๆ ร่วมมือกันแก้ปัญหาตรงนี้ เพราะเป็นคนกล้าพูดอยู่แล้ว อย่างน้อยได้พูดความรู้สึกของพวกเราให้นายทราบ พวกเรารักนายป้อม ทุกคนยืนเคียงข้างนายป้อม แต่สถานะการพรรค แนวทางพรรค ควรขับเคลื่อนหลักโดยสส.และกรรมการบริหารพรรค(กก.บห. ) ที่รักพรรคนี้จริงๆ

คงต้องรอดูว่า “พล.อ.ประวิตร “จะเข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้งในพรรคครั้งนี้อย่างไร อย่าลืมก่อนหน้านี้”นายสามารถ” เป็นคนดีล “วัน อยู่บำรุง” มาสังกัดพรรคพปชร. ถือเป็นคนทำงานที่มีความใกล้ชิดกับหัวหน้าพรรค และแสดงจุดยืนพยายามผลักดันให้”พล.อ.ประวิตร” เป็นนายกฯตลอด

                             "ทีมข่าวการเมือง"