เมื่อวันที่ 29 ก.ค.  นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าของการประชุมหลังจากพิจารณามาแล้ว 4 ครั้ง ว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปในประเด็นการกำหนดวันออกเสียงประชามติ ที่ร่างเดิมกำหนดให้ออกเสียงในวันเดียวกันกับวันเลือกตั้ง สส. ที่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป วันเลือกตั้งสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น  เนื่องจากดำรงตำแหน่งครบวาระ ได้กำหนดช่วงระยะเวลาเพิ่มเติม คือ กำหนดวันออกเสียงตามการเลือกตั้งดังกล่าวก็ได้ แต่ต้องไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วัน เพิ่มเข้ามาเพื่อให้เกิดความชัดเจน

นายนิกร กล่าวต่อว่า  สำหรับประเด็นเกณฑ์การออกเสียงประชามติที่เป็นข้อยุตินั้น พบว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ได้ส่งความเห็นของกระทรวงมหาดไทยที่ขอให้แปรญัตติในประเด็นเกณฑ์ของผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติ โดยขอให้ใช้เกณฑ์ไม่ต่ำกว่า 1 ใน 4 ของผู้มีสิทธิออกเสียง เพิ่มเติมจากเกณฑ์ผ่านประชามติที่ใช้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้ ทั้งนี้ในความเห็นดังกล่าวนั้นตนรับเป็นผู้แปรญัตติด้วย และต้องรอการพิจารณาของ กมธ.อีกครั้ง เนื่องจากในประเด็นดังกล่าวนั้นต่างจากตามเนื้อหาที่เสนอต่อสภาที่กำหนดให้ใช้เกณฑ์ผ่านประชามติเพียงแค่เสียงข้างมากของผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียงเท่านั้น

นายนิกร กล่าวด้วยว่า  นอกจากนั้น กมธ.ยังได้รับหนังสือจากภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย (ภรป.) ที่เสนอต่อ กมธ.เมื่อ 26 ก.ค. เพื่อเสนอความเห็นต่อการจัดทำเนื้อหาหลายประเด็น อาทิ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และหน่วยงานรัฐ สนับสนุน อำนวยความสะดวกให้ประชาชน พรรคการเมือง องค์กรพัฒนาเอกชน สามารถแสดงความคิดเห็นทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในการทำประชามติและรณรงค์รูปแบบต่างๆ  กำหนดให้มีอาสาสมัครการออกเสียงประชามติเพื่อความเที่ยงธรรม สุจริต เป็นต้น

“ข้อเสนอของ ภรป. ยังขอให้ สภา และวุฒิสภาเร่งพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติโดยเร็วเพื่อให้ทันต่อการออกเสียงประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ครั้งแรก พร้อมกับการเลือกนายก อบจ. ในวันที่ 3 ก.พ. 2568 ด้วย” นายนิกร กล่าว.