ก็เป็นธรรมดาที่นายทักษิณจะถูกสื่อมวลชนถาม “ในฐานะอดีตนายกฯ” ว่า มองภาพของรัฐบาลนี้เป็นอย่างไรบ้าง โดยอดีตนายกฯแม้ว ก็ได้ให้กำลังใจเพราะลูกสาวคนโปรด “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร” วันนี้ขึ้นกุมบังเหียนนำพรรคแทนพ่อ สิ่งที่นายทักษิณ “ส่งสัญญาณ”มายังรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ คือ“การเร่งสร้างความเชื่อมั่น

เจ้าตัวระบุว่า “สถานการณ์ประเทศวันนี้ต้องเรียกความเชื่อมั่น ระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ความเชื่อมั่นและความเชื่อถือ ความไว้วางใจเป็นเรื่องสำคัญ  ถ้าเรียกกลับคืนมาได้ เงินก็จะไหลมาเอง  วันนี้ชาวบ้านเป็นหนี้เยอะ เราจำเป็นต้องเสกคาถาเรียกเงินกลับเข้ามาให้ได้” ความเชื่อมั่นของประเทศ ถ้ามองในมิติการเมืองคือ“การเมืองต้องนิ่ง”

การเมืองนิ่ง หมายถึงนโยบายอะไรต่างๆ สามารถสานทอต่อยอดได้ไม่สะดุด ไม่ใช่ให้เกิดความระแวงว่า จะเกิดอะไรขึ้นที่จะกระทบต่อนักลงทุนที่ต้องการการลงทุนระยะยาวหรือไม่ นี่เป็นตัวพื้นฐาน ส่วนสิทธิประโยชน์อื่นๆ สำหรับนักลงทุน ถ้าการเมืองนิ่งเรื่องนี้ก็จะนิ่งตาม ในความหมายคือไม่เปลี่ยนแปลง และอาจมีนโยบายสนับสนุนที่ดีเพิ่มด้วย

เจ้าตัวยังแสดงความมั่นใจว่า “มั่นใจพรรคเพื่อไทยกลับมาผงาดไม่ยาก   รัฐบาลก็ทำผลงานไปเยอะแล้ว แต่ทำแล้วยังปิดไม่ได้ ไม่ลงตัว หลังจากนี้ไปก็เริ่มทยอยปิดงาน และเมื่อแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นก็จะกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งได้ไม่ยาก” นี่ดูเหมือนจะเป็น “คำเตือน”ส่งไปกลายๆ ว่า“โครงการของรัฐบาลควรเป็นรูปธรรมได้แล้ว อยู่มาจะปี”

เทียบกับสมัยรัฐบาลไทยรักไทย สามสิบบาทรักษาทุกโรค นโยบายปราบปรามยาเสพติดก็ไม่ได้ทำช้า ไม่เปลี่ยนเนื้อหา สร้างเงื่อนไขใหม่ๆ บ่อยๆ หรือสมัยรัฐบาลพลังประชาชน ค่าไฟฟรี ( กรณีใช้ไฟไม่มาก ) รถเมล์ร้อนฟรี ก็ออกมาไว ส่วนรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนำข้าวก็ทำไว ทำให้ภาพลักษณ์ทำได้จริงของแบรนด์เพื่อไทยค่อนข้างชัด

แต่พอมาดิจิทัลวอลเลต ซึ่งเป็นนโยบายเรือธง กลับมีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายครั้ง ตั้งแต่กลุ่มผู้ได้รับสิทธิ ที่คนมีเงินฝากเกินห้าแสนไม่ได้  ที่มาของเงินก็เปลี่ยนสองสามรอบ จากกู้หมด มาใช้งบประมาณประจำปีบวกเงิน ธ.ก.ส. ต่อมาก็ใช้แต่งบประจำปี และเรื่องวันไหนได้ใช้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป เอาแค่ทราบว่าไตรมาส 4 ของปี

กระทั่งการแถลงข่าวที่คิดว่าครั้งเดียวชัดเจน ก็ซอยย่อยเป็นสามครั้ง ฝั่งนางแบกเพื่อไทยอาจว่า “เพื่อความรอบคอบและรัดกุม” เพราะต้องทำตามที่ ป.ป.ช.และธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) ให้ข้อเสนอมา แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่ทวงสัญญาว่า “ไหนตอนหาเสียงบอกทำทันที” นึกว่าศึกษามาพร้อมแล้ว นี่ยังกะเริ่มนับหนึ่ง

เริ่มมีการตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้เป็น“หนามตำใจ” ของ“เสี่ยนิด”นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่ช่วงนี้ดูจะเงียบๆ ไม่พูดเรื่องการเมือง ซึ่งหวังว่า เมื่อพ้นเดือนมหามงคลแล้ว  พ้นบ่วงถอดถอน 14 ส.ค.แล้ว นายกฯ คงจะได้ลุยงานอย่างเต็มสูบ มีคำถามอะไรก็พร้อมจะตอบ พร้อมเร่งรัดตามงานตามที่อดีตนายกฯ ทักษิณบอก “ต้องปิดงานได้”

ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องดิจิทัลวอลเลต หลายเรื่องที่รอการ“ปิดงาน” อย่างเช่นนโยบายปราบปรามยาเสพติด ที่ยึด 30 ก.ย.ต้องทำร้อยเอ็ดเป็นจังหวัดสีขาวนำร่อง นโยบายการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ที่ให้วัฒนธรรมไทยผงาดในตลาดโลกให้ได้ ไปจนถึงการเชิญชวนต่างชาติมาลงทุน ต้องพร้อมชี้แจงถึงความคืบหน้าว่า“ใครมาจริง”และประโยชน์ที่ไทยได้รับ

รักษาภาพของการทำงานได้เร็ว ได้จริง ของเพื่อไทยไว้ ถ้าอยากกลับมานำตั้งรัฐบาลอีกในสมัยหน้า.