สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ว่า โครงการอาหารโลก (ดับเบิลยูเอฟพี) ของยูเอ็น คาดการณ์ว่า ผู้คนทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา จะประสบปัญหาด้านอาหารมากขึ้น เนื่องจากภูมิภาคเข้าสู่ช่วงเวลาระหว่างฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งเกิดการขาดแคลนอาหารมากที่สุด

“นี่เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งผู้คนไม่สามารถเก็บเกี่ยวอะไรได้เลย และปัญหาคือ ฤดูเก็บเกี่ยวครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในเดือน เม.ย. 2568 เท่านั้น” นางโลลา คาสโตร รักษาการผู้อำนวยการภูมิภาคแอฟริกาใต้ ของดับเบิลยูเอฟพี กล่าวในการให้สัมภาษณ์

เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว เลโซโท กลายเป็นประเทศล่าสุดที่ประกาศให้ภัยแล้งที่เกิดจากปรากฏการณ์สภาพอากาศเอลนีโญ เป็นภัยพิบัติระดับชาติ ต่อจากมาลาวี, นามิเบีย, แซมเบีย และซิมบับเว ส่วนประเทศอื่น ๆ เช่น แองโกลา และโมซัมบิก อาจประกาศภาวะดังกล่าวในเร็ว ๆ นี้ หรืออาจส่งสัญญาณถึงช่องว่างระหว่างปริมาณอาหารที่มี กับปริมาณอาหารที่ต้องการ

ตามการประมาณการบางส่วน คาสโตร ระบุว่า ภัยแล้งครั้งนี้ถือว่าเลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปี สำหรับภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ โดยประชาชนอย่างน้อย 27 ล้านคน ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากพวกเขาต้องพึ่งพาการเกษตรเพื่อความอยู่รอด

อนึ่ง ภัยแล้งทำลายผลผลิตในแซมเบีย และซิมบับเว มากถึง 70% และ 80% ตามลำดับ ส่งผลให้อุปทานลดลงอย่างมาก และราคาอาหารพุ่งสูง

“สถานการณ์ทางตอนใต้ของแอฟริกา น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง แม้เราไม่สามารถพูดถึงความอดอยากหรือความหิวโหยได้ แต่ประชาชนในภูมิภาคไม่สามารถซื้อ หรือรับประทานอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน ซึ่งเด็ก ๆ เริ่มผอมลง และผู้คนก็เริ่มทุกข์ทรมาน” คาสโตร กล่าวทิ้งท้าย.

เครดิตภาพ : AFP