สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ว่านายแมต เทอร์ริลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์การเมืองของพรรครีพับลิกัน กล่าวถึงการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ ซึ่งเข้าสู่ช่วง 100 วันสุดท้ายของการหาเสียง ก่อนถึงวันลงคะแนนในวันที่ 5 พ.ย. นี้ ว่านางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ และว่าที่ตัวแทนพรรคเดโมแครต สามารถฟื้นคืนความสมานฉันท์ภายในพรรคเดโมแครตได้ และน่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในกลุ่มรัฐสวิงสเตท


ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญประกอบการตัดสินใจของกลุ่มผู้มีสิทธิออกเสียงในสวิงสเตท และประชาชนที่มีแนวคิดการเมืองอิสระ คือเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการแก้ไขอัตราเงินเฟ้อ ปัญหาผู้อพยพตามแนวชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก และปัญหาอาชญากรรมในประเทศ


เทอร์ริลล์กล่าวว่า ในการหาเสียงจนถึงปัจจุบัน ทรัมป์ยังคงทำได้ดีกว่าแฮร์ริส ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งครั้งนี้เปรียบเสมือน “การลงประชามติ” ของชาวอเมริกัน ที่มีต่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และแฮร์ริสซึ่งยังคงเป็นรองประธานาธิบดี ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำได้ดีเพียงใด ในประเด็นเหล่านี้

นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ และว่าที่ตัวแทนพรรคเดโมแครต ขึ้นเวทีปราศรัย ที่เมืองมิลวอกี ในรัฐวิสคอนซิน


โดยปกติแล้ว แคมเปญหาเสียงเลือกตั้งผู้นำสหรัฐใช้เวลานานประมาณ 2 ปี แต่เมื่อไบเดนถอนตัวกลางคัน ส่งผลให้แคมเปญหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ “สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์” และการที่แฮร์ริสอายุน้อยกว่าไบเดนมาก คือ 59 ปี ส่วนไบเดน 81 ปี “เพิ่มพลัง” ให้กับฝ่ายเดโมแครต และช่องว่างในโพลระหว่างเธอกับทรัมป์ลงมาพอสมควร จากที่เคยตาม 3-4% เหลืออยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 1.5% เท่านั้น


อย่างไรก็ตาม การที่ประชาชนส่วนใหญ่มองแฮร์ริสในฐานะ “พาร์ตเนอร์ร่วม” หรือ ผู้ช่วยของไบเดนมาตลอด และผู้นำสหรัฐเผชิญกับเสียงวิจารณ์หลายเรื่องมากขึ้นในระยะหลัง เป็นงานหนักของแฮร์ริสในการหาเสียง ซึ่งเจ้าตัวยอมรับ “เป็นมวยรอง” แต่เชื่อมั่นว่า จะสามารถพลิกกลับมาเอาชนะทรัมป์ได้ในวันลงคะแนน.

เครดิตภาพ : AFP