เมื่อวันที่ 28 ก.ค. นางอังคณา นีลไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้มีการส่งรายละเอียดการแก้ไขข้อบังคับการประชุมวุฒิสภามายัง สว.บางคน เพื่อขอให้สนับสนุนการแก้ไขลดจำนวนคณะกรรมาธิการ (กมธ.) จากเดิมในวุฒิสภาชุดที่แล้วมี 26 คณะ จะขอลดลงเหลือ 23 คณะ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อประหยัดงบประมาณ แต่ตนมองว่าหากต้องการประหยัดงบประมาณควรทำส่วนอื่น เช่น ลดงบประมาณการศึกษาดูงาน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ได้เห็นรายละเอียดของข้อเสนอให้ลดจำนวนคณะกมธ. จึงอยากเรียกร้องให้การทำงานร่วมกันของ สว.เป็นไปด้วยความโปร่งใส ใครเสนอร่างแก้ไขอะไร ควรให้เนื้อหามาพิจารณาด้วย 

นางอังคณา กล่าวอีกว่า ตนไม่ติดใจว่าจำนวนคณะกมธ.จะลดหรือเพิ่ม แต่ควรพิจารณาให้เหมาะสม และกำหนดคณะกมธ.ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เช่น เดิมมี คณะกมธ.การพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ  คนพิการและผู้ด้อยโอกาส แต่รัฐธรรมนูญได้แยกที่มาของสว. เป็นกลุ่มสตรีโดยเฉพาะ เมื่อพิจารณาถึงการตั้งคณะกมธ.ควรให้กลุ่มสตรี รวมกับกลุ่มเด็ก เยาวชน ผู้มีความหลากหลาย ซึ่งเป็นกลุ่มเพศ ส่วนคนพิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ ควรเป็นอีกคณะ ขณะที่การตั้งคณะอนุกมธ. ตนหวังว่าคนที่เป็นประธานกมธ.ในชุดนั้นจะใจกว้างและเปิดให้มีผู้แทนคนพิการและคนชาติพันธุ์ร่วมเป็นอนุกรรมาธิการ เพื่อให้มีตัวแทนของกลุ่มต่างๆ เข้ามาทำงาน เพราะตัวแทนคนพิการและคนชาติพันธุ์ไม่ได้รับเลือกให้เป็นสว.

นางอังคณา กล่าวว่า การเริ่มทำงานในกมธ. ต้องรอแก้ไขข้อบังคับการประชุมม ซึ่งต้องใช้เวลา 30- 60 วัน ทั้งนี้ตนมองว่ามีอีกทาง คือ เมื่อเสนอญัตติแล้วให้มีการอภิปรายเต็มสภา เพื่อเสนอความเห็นและหามติร่วมกัน แต่ทั้งนีต้องพิจารณาว่า จะเป็นไปในรูปแบบใด

 เมื่อถามว่า  ขณะนี้มีกระแสถึงการจองโควตาประธานกมธ.ไว้แล้ว นางอังคณา กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบว่าใครนั่ง กมธ.ใดบ้าง  เหมาะสมหรือตรงประสบการณ์หรือไม่ อย่างไรก็ตามตนมองว่าคนที่เป็นประธานกมธ.ต้องมีไดเร็คชั่นชัดเจนว่าจะทำงานไปในทิศทางไหน  ดังนั้นนอกจากการเลือกมธ.ตามความสนใจแล้ว ควรพิจารณาในประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ในการทำงานด้วย.