สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ว่า รัสเซียเผชิญกับความท้าทายด้านประชากรหลายอย่าง นับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต ไม่ว่าจะเป็น ประชากรสูงอายุ, จำนวนผู้ชายที่ลดลง เนื่องจากความขัดแย้งในยูเครน ทำให้พวกเขาหนีออกนอกประเทศ และอัตราเกิดต่ำที่สุดในรอบ 17 ปี

“อัตราการเกิดในตอนนี้ อยู่ในระดับต่ำมาก คือ เด็ก 1.4 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน ซึ่งเทียบได้กับประเทศในยุโรป, ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ และมันถือเป็นหายนะสำหรับอนาคตของประเทศ” นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าว “ใครก็ตามที่มีบุตรหลายคนถือเป็นฮีโร่ แม้เราอาศัยอยู่ในประเทศขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่ประชากรกลับน้อยลงทุกปี และวิธีเดียวที่จะรับมือกับปัญหานี้ได้ คือ การเพิ่มอัตราการเกิดโดยเฉลี่ย”

ทั้งนี้ รัสเซียมีประชากรประมาณ 148 ล้านคน เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 2534 ส่วนตัวเลขปัจจุบันอยู่ที่ 144 ล้านคน อันเป็นผลมาจากผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และการเกิดน้อย ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ซึ่งอัตราเกิดการของประเทศยังไม่ฟื้นตัว แม้รัฐบาลของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เสนอเงินช่วยเหลือจำนวนมากให้กับครอบครัวขนาดใหญ่ก็ตาม

อนึ่ง ปัญหาที่เกิดขึ้นล่าสุดในรัสเซีย ได้แก่ ผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวนมาก, ชายชาวรัสเซียหลายแสนคนที่หลบหนีออกจากประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกระดมพลไปสู้รบในยูเครน รวมถึงการอพยพเข้ารัสเซียที่ต่ำสุดในรอบ 10 ปี เมื่อปีที่แล้ว

ด้านนักประชากรศาสตร์คาดการณ์ว่า ประชากรของรัสเซียอาจลดเหลือ 130 ล้านคน ภายในช่วงทศวรรษที่ 2040 ขณะที่ทำเนียบเครมลินชี้ว่า ประเทศอื่นต่างประสบปัญหาด้านประชากรที่คล้ายคลึงกัน

“สถานการณ์ข้างต้นยังคงยากลำบากไปอีกสักพักหนึ่ง แต่รัฐบาลกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหานี้ และมันเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ของประธานาธิบดีรัสเซีย” เปสคอฟ กล่าวทิ้งท้าย.

เครดิตภาพ : AFP