เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ร.ต.ท.หญิง วิภาวดี จิตผดุงวิทย์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งคนร้ายงัดศาลาพักศพขโมยคอมเพรสเซอร์โลงเย็นและสายไฟฟ้าภายในศาลาพักศพ วัดป่าทองบางพุฒาราม ม.13 บ.ดอนหัน ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงออกไปตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจชุมชนตำบลหนองนาคำ และตำบลหนองบัว

ที่เกิดเหตุพบ น.ส.มะนิดา สุวรรณกูล อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 13 บ.ดอนหัน พาตำรวจตรวจสอบบริเวณหน้าต่างข้างศาลาพักศพที่ถูกคนร้ายใช้ของแข็งงัดเข้าไปภายในศาลา พบร่องรอยถูกงัดจนเปิดอ้าออกตรวจสอบภายในศาลาพักศพ พบคอมเพรสเซอร์ที่ติดตั้งอยู่ด้านท้ายโลงเย็นที่ใช้ทำความเย็นเพื่อรักษาสภาพศพและโครงเหล็กโลงศพหายไป และแผงควบคุมไฟก็ถูกคนร้ายตัดสายไฟไปทั้งหมด

นางจันทร์ดา ทองเสนา อายุ 50 ปี ชาวบ้านดอนหัน เล่าว่า ช่วงเย็นตนมาหาหน่อไม้หลังศาลาวัดเห็นมีร่องรอยการตัดต้นไผ่จึงเกิดความสงสัย เพราะไม่เคยมีใครกล้าเข้ามาตัด จึงเดินมาดูก็เห็นหน้าต่างถูกเปิดออก รวจสอบโดยการมองดูเข้าไปในศาลาพบว่าโลงเย็นถูกรื้อ และสายไฟก็ถูกตัดก่อนรีบไปบอกผู้ใหญ่บ้านมาตรวจสอบ พร้อมด้วยคณะกรรมการวัดโทรแจ้งตำรวจ

ด้าน น.ส.มะนิดา สุวรรณกูล ผู้ใหญ่บ้านดอนหัน เล่าว่า มีลูกบ้านไปแจ้งว่ามีคนร้ายงัดหน้าต่างด้านข้างศาลพักศพ เข้ามาขโมยคอมเพรสเซอร์ทำความเย็นโลงศพ เหล็กโครงวางโลงเย็น และตัดสายไฟในศาลาพักศพไปทั้งหมด จึงได้มาตรวจสอบพร้อมคณะกรรมการวัด และแจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งคนร้ายได้งัดหน้าต่างข้างศาลาพักศพเข้ามาก่อเหตุ

“เมื่อช่วงปี 2565 คนร้ายก็เคยเข้ามาขโมยยคอมเพรสเซอร์ทำความเย็นเพื่อปรับรักษาสภาพศพไปแล้ว 1 ครั้ง และเมื่อปี 2566 ก็ถูกคนร้ายขโมยปั๊มน้ำไป 1 เครื่อง กระทั่งมาครั้งนี้คนร้ายก็เข้ามาขโมยของในศาลาพักศพไปอีก ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับทางวัดและหมู่บ้านที่จะต้องหาเงินมาซ่อม และซื้อคอมเพรสเซอร์ตัวใหม่มาทดแทน ถ้ามีศพเข้ามาวัดก็จะได้มีใช้งาน”

เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายอาจจะเป็นคนละแวกนี้หรือเป็นคนร้ายที่ตะเวนขโมยของในวัด เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่ ต.สามพร้าว ก็มีคนร้ายขโมยคอมเพรสเซอร์โลงเย็นเช่นกัน โดยจะประสานตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว และกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่เข้ามาก่อเหตุ และหลบหนีเพื่อหาเบาะแสติดตามตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.