เมื่อวันที่ 27 ก.ค.67 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เดินทางมาเป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ครั้งที่ 41 จ.อุบลราชธานี” โดยมีสส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทยหลายคน สส.พรรคไทรวมพลัง มาร่วมงาน รวมทั้งนายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย นางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุมประพฤติ น.ส.เอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และนายสมเพชร สร้อยสระคู รองผวจ.อุบลราชธานี กล่าวรายงาน ณ โรงแรมสุนีย์แกรนด์ แอนด์ คอนแวนชั่นเซ็นเตอร์ อ.เมืองอุบลราชธานี

พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายเมื่อวันที่ 11 ก.ย.66 พบว่าประเทศไทยกำลังเผชิญภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่าร้อยละ 9 ของ GDP ถือเป็นความเปราะบางของภาคประชาชนต่อการเปลี่ยนแปลงเชิง เศรษฐกิจ ตลอดจนระดับของหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่สูงกว่าร้อยละ 61 ซึ่งมีแนวโน้มที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงจนอาจจะกลายเป็นข้อจำกัดทางด้านการคลังและการบริหารประเทศในอนาคต ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน สร้างความพร้อมและวางรากฐานเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า ให้กับคนไทยทุกคนทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ฝากยุติธรรมทางเลือก ยุติธรรมสมานฉันท์

โดยเฉพาะการแก้ไขในเรื่องหนี้เช่าซื้อรถยนตร์ หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้อื่น ๆ กระทรวงยุติธรรมและรัฐบาลฝันว่าที่ดินแปลงสุดท้ายกับที่อยู่อาศัยจะต้องไม่ถูกยึดทรัพย์ ทุกคนจะต้องมีอาชีพ มีอนามัยที่ดี มีโอกาสทางการศึกษา ต้องมีอัตลักษณ์หรือการเคารพศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และที่ขาดไม่ได้ คือ จะต้องไม่มีความอยุติธรรม พร้อมทั้งขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาร่วมจัดมหกรรมในครั้งนี้

จากนั้น รมว.​ยุติธรรม​ได้มอบป้ายศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนที่ได้รับการขึ้นทะเบียน มอบบัตรประชาชนสําหรับบุคคลที่ได้รับสถานะทางทะเบียน และร่วมพิธีลงนามในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้สําหรับกลุ่มผู้ต้องราชทัณฑ์ รวมทั้ง​ได้เยี่ยมชมบูธนิทรรศการและการไกล่เกลี่ยแก้หนี้ให้แก่ประชาชน​ภายในงาน

โดยรมว.ยุติธรรมและคณะได้ร่วมพบปะพูดคุยกับประชาชน ณ จุดไกล่เกลี่ลูกหนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยการจัดมหกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หนี้เช่าซื้อรถยนต์ หนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ผิดนัดชำระหนี้เข้าเกณฑ์จะถูกฟ้องดำเนินคดีหรือไม่มีกำลังผ่อนชำระตามสัญญาได้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และรู้สิทธิตามกฎหมาย เข้าถึงความยุติธรรม รวมถึงเวทีสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับการวางแผน สร้างวินัยทางการเงินให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อเป็นเกราะป้องกันปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน

ภายในงานมีการให้บริการต่าง ๆ เช่น การเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย การให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนและสร้างวินัยทางการเงิน การจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์ การให้คำปรึกษาทางกฎหมายหรือการเงิน และการให้บริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ทั้งก่อนฟ้องและหลังศาลมีคำพิพากษา

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี ยังเดินทางไปตรวจเยี่ยมเรือนจํากลางอุบลราชธานี โดยมีนายเอกรินทร์ วรรณเวศ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุบลราชธานี ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งได้ร่วมหารือข้อราชการในเรื่องการจะทำอย่างไร เพื่อให้ญาติที่มาเยี่ยมรู้สึกว่าเรือนจำเป็นเรือนจำของเรา ให้รู้สึกว่าเมื่อมาเรือนจำแล้วเหมือนมาบ้านญาติผู้ใหญ่ ทำอย่างไรให้เรือนจำบูรณาการร่วมกันกับผลิตภัณฑ์จากเกษตรกร รวมไปถึงร่วมกันพัฒนาพฤตินิสัย คุณภาพชีวิต การให้โอกาสทางการศึกษา

ทำงานอย่างไรให้เรือนจำมีใบอนุญาตฟื้นฟูสภาพทางสังคมและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ใช้ยาเสพติด รวมถึงจัดกิจกรรมดี ๆ ค้นหาความสามารถตามความถนัด พัฒนาวิชาชีพ โดยกล่าวให้กำลังใจผู้ต้องราชทัณฑ์มีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า ทุกคนควรมีสิทธิมีโอกาสทางการศึกษาหาความรู้ วันนี้ผู้บัญชาการเรือนจำเป็นตัวแทนในการลงนาม MOU ให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ได้ปลดผู้ค้ำ และพักหนี้ กยศ. ทุกคนถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงยุติธรรม ไม่มีใครไม่เคยก้าวพลาด ไม่อยากให้ด้อยค่าตนเองว่าสังคมไม่ยอมรับ สิ่งสำคัญที่สุด คือ ตัวเราจะต้องมีคุณภาพ อย่าปล่อยเวลาให้สูญเปล่า พัฒนาตัวเองตามความถนัดตามศักยภาพ อยากให้ทุกคนมีโอกาสทางการศึกษา อ่านออก-เขียนได้-คิดเลขเป็น