เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่อยู่ในกระแสและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดเลยทีเดียว สำหรับซีรีส์เรื่อง “สืบสันดาน” ที่ได้สาว “ญดา นริลญา” มารับบทเป็น “ไข่มุก” ซึ่งหลังจากซีรีส์เรื่องนี้ได้ถูกเผยแพร่สู่สายตาผู้ชมทั่วประเทศ ก็สร้างเสียงฮือฮาและโด่งดังไปไกลจนติดอันดับ 2 ซีรีส์ที่มีคนดูเยอะที่สุดในโลก แต่ในหลายๆ ซีน กลับถูกวิจารณ์หนักถึงความเหมาะสม เช่นซีนที่นักแสดงต้องถอดเสื้อผ้า ทำคนดูหวั่นใจถึงภาพลักษณ์นางเอกของญดาหนักมาก

ล่าสุดในงาน ทั่วหล้า เทิดไท้ ถวายใจสดุดี สาวญดาได้ออกมากให้สัมภาษณ์ถึงฟีดแบ็กที่ได้รับหลังจากซีรีส์ปล่อยออกมา โดยญดาเผยว่า

“ฟีดแบ็กดีมากค่ะ ขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลก แล้วก็เป็นซีรีส์ที่เป็นอันดับหนึ่งแบบ Non English ก็คือพูดภาษาไทยทั้งเรื่อง แต่ชนะเพื่อนๆ เอเชียหมดเลย ดีใจมาก เกินคาดมาก เพราะตอนนั้นที่ถ่ายทำกันไป ก็คือเราไม่รู้หรอกว่าฟีดแบ็กมันจะออกมาเป็นยังไง เราก็ทำเต็มที่ไปแค่นั้น แต่ว่าโชคดีที่ได้ผู้กำกับ ได้ทีมที่เก่งมากๆ และโปรดักชั่นที่ลงทุน คนชื่นชมฝีมือการแสดง ก็ดีใจ ขอบคุณมากๆ ใครยังไม่ได้ดูต้องดูแล้ว เดี๋ยวคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง เรื่องนี้ทุ่มเท เยอะมากๆ จำได้ว่าช่วงนั้นหนูมีอาการแบบภาวะทางสุขภาพจิตที่มันไม่ค่อยดีเลย คนรอบข้างจะถามตลอดว่าช่วงนี้เป็นอะไร เพราะนิสัยมันเปลี่ยนไปหมดเลย เพิ่งมานึกออกช่วงที่เริ่มโปรโมต แล้วเราได้พูดถึงเรื่องนี้ย้ำๆ จำได้ว่าช่วงนั้นเหมือนเรามีอาการแพนิค โดยที่เราไม่รู้ตัวเพราะเรื่องนี้แหละ ยังไม่ได้พบหมอเลย ตอนนี้ยังเป็นอยู่หรือเปล่ายังไม่รู้เลยเนี่ย”

“หลายคนห่วงภาพลักษณ์นางเอก จริงๆ ใช้สแตนด์อิน ไม่ใช่หนู จะมีแค่ฉากตอนท้ายเลยอาจจะสปอยล์คนดูนิดหนึ่ง ที่ท่านเจ้าสัวเอาน้ำมาราด อันนั้นเป็นหนูเล่น แต่นอกนั้นที่เป็นฉากโป๊เปลือยไม่ใช่หนู ส่วนฉาก Long Take ที่ต้องเปลี่ยน หนูต้องเปลี่ยนอารมณ์แบบชั่วพริบตาเดียว แบบกะพริบตาแล้วลืมตามาก็ต้องเปลี่ยนอารมณ์ เปลี่ยนความรู้สึก แล้วทีมงานร้อยกว่าคนในนั้นต้องดึงเสื้อผ้าหนูออก เปลี่ยนชุด เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนพร็อบข้างใน นักแสดงแต่ละคน ก็แต่งตัวแบบ 2 ฉากเลย แยกกันเอาไว้ว่าคนนี้อยู่เซตนี้ๆ ทำงานไปพร้อมๆ กันในฉากนั้น เป็น 10 นาทีที่ลุ้นมาก ว่ามันจะเวิร์กไหม เพราะเป็นการถ่ายทำที่ในบ้านเรายังไม่ค่อยได้ใช้วิธีนี้กันเยอะ ก็เหมือนเป็นความกล้า ความเสี่ยงเหมือนกัน หนูไม่เคยเปลี่ยนอารมณ์ภายในกะพริบตาเดียว แต่เราเทคไม่เยอะ เรามีวันซ้อมกันก่อน 1 วัน แล้ววันที่ถ่าย ก็ถ่าย 1 วันเหมือนกัน คือเรากดเรคคอร์ดไม่เยอะ แต่เราซ้อมเยอะมาก มั่นใจแล้วเราถึงเรคคอร์ด จริงๆ หนูรู้สึกว่าหนูสามารถคอนโทรลเรื่องความรู้สึกได้ อินเนอร์ได้ แต่ด้วยความที่มันเป็นฉากงานศพ แล้วหนูจะต้องน้ำตาคลอมาตลอด หนูก็พยายามจะกลืนน้ำตาให้มันไหลย้อนไป แล้วกลับมาสดใส อันนี้ยากมาก หนูไม่รู้เหมือนกันว่ามันออกมาได้ยังไง”

ขอบคุณภาพประกอบจาก : yadarilya