เมื่อวันที่ 26 ก.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จัดงานวันเกิดครบรอบ 75 ปี ตั้งแต่คืนวันที่ 25 ก.ค.ก็จัดไปรอบหนึ่งกับคนใกล้ชิดในแวดวงการเมือง ที่โรงแรมยู สาทร โดยเจ้าตัวพูดติดตลกว่า “ถ้ามีเวลาต่ออีก 40 ปีคงจะดี” และเช้าวันที่ 26 ก.ค.ก็จัดงานที่บ้านจันทร์ส่องหล้า คนในแวดวงการเมืองพรรคเพื่อไทยก็มาร่วมงานมากมาย

นายทักษิณ ระบุว่า ปีนี้สิ่งที่ขอคือให้มีสุขภาพดี ถ้ายังมีพลังอยู่ เราก็สามารถทำงานให้บ้านเมืองได้หมดถ้าเรายังรักษาร่างกาย มีสมองแจ่มใส ก็จะสามารถช่วยบ้านเมืองให้เป็นประโยชน์ได้ และหลังวันที่ 22 ส.ค.ที่พ้นโทษก็ห่วงบ้านเมือง อะไรที่เราคิดว่าจะต้องแนะนำ ติติงได้ก็จะทำผ่านช่องทางทางการเมืองให้เขาแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อย่างจริงจังสถานการณ์ประเทศวันนี้ต้องเรียกความเชื่อมั่น ถ้าเรียกกลับคืนมาได้ เงินก็จะไหลมาเองส่วนการไปพักผ่อนที่เขาใหญ่พบนักการเมืองและนักธุรกิจนั้น ไม่มีเรื่องปฏิญญาเขาใหญ่เรื่องปฏิญญาทำให้วุ่นวายมารอบหนึ่งแล้ว ความจริงไม่มีอะไรเลย นายทักษิณ ว่าตัวเองเป็นนักการเมืองเก่ามีหน้าที่สร้างความปรองดอง เพื่อให้การเมืองแข็งแรง และบ้านเมืองเดินหน้าได้ วันนี้ความสามัคคีบ้านเราสำคัญเพราะลำพังแค่การแข่งขันกับต่างประเทศก็หนักถ้ายิ่งไม่สามัคคีกัน ยิ่งไปกันใหญ่

นอกจากนี้ นายทักษิณ มั่นใจว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ จะไม่ถูกถอดถอนในคดีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และมองว่า กระแสเพลงคิดถึงลุงตู่เป็นไปไม่ได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายก ฯ เป็นองคมนตรีแล้ว ไม่กลับมาการเมืองแล้ว อย่าไปทำให้ พล.อ.ประยุทธ์เสีย นายทักษิณยังมั่นใจพรรคเพื่อไทยกลับมาผงาดไม่ยาก รัฐบาลก็ทำผลงานไปเยอะแล้ว หลังจากนี้ไปก็เริ่มทยอยปิดงาน และเมื่อแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นก็จะกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งได้ไม่ยากนัก นายทักษิณเริ่มเข้ามามีบทบาททางการเมือง

ขณะเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจคือ นายกฯ ตัวจริง เสี่ยนิด เศรษฐา ทวีสิน ดูเหมือนบทบาทจะค่อย ๆ พร่าเลือนลงไป ซึ่งก็คงเป็นอย่างที่อดีตนายกฯ วิเคราะห์ว่า รัฐบาลทำผลงานไปเยอะต้องรอให้ค่อยๆ ปิดงานก่อน แล้วจะทำให้กลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ซึ่งตัวนายเศรษฐาเอง ในเดือนนี้จะไม่พูดการเมืองเพราะเป็นเดือนมหามงคล แต่เดือนหน้า แอคชั่นความเป็นผู้นำตัวจริงต้องชัดเจนขึ้น เพราะหลังวันที่ 22 ส.ค. นายทักษิณอาจยิ่งผงาดมากขึ้น เพราะในเพื่อไทยก็รู้กันว่า ใครคือ “ผู้มีอำนาจตัวจริง”

เรื่องเงินดิจิทัลก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่มีความชัดเจน เอาแค่ว่า จะต้องแถลงข่าว 3 ครั้ง และจะแจกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี แต่จะได้ใช้ตอนไหน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวได้เร่งดำเนินจัดทำระบบการใช้จ่ายเงินเพื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็ว คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถใช้งานได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้  แต่หากมีความพร้อมก็จะให้ได้เดือน พ.ย.67 รัฐบาลไม่สามารถกำหนดวันเวลาที่จะใช้จ่ายได้ เนื่องจากต้องดูความพร้อมของระบบก่อน ช่วงวันที่ 10 -15 ก.ย.นี้ จะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับการลงทะเบียนของประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้ป่วยติดเตียง อีกครั้ง วันที่ 16 ก.ย.- 15 ต.ค.67  หลังจากลงทะเบียนครบถ้วนแล้ว จะแถลงวิธีขั้นตอนการใช้จ่ายทั้งหมด ขณะที่การใช้จ่ายของกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน จะต้องใช้บัตรประชาชน เมื่อไปใช้สิทธิที่ร้านค้า ทางร้านค้าจะต้องถ่ายภาพบัตรประชาชนผู้มาใช้สิทธิไว้เป็นหลักฐานด้วย โดยร้านค้าจะต้องเปิดแอปพลิเคชั่นเพื่อรับเงิน การลงทะเบียนร้านค้า จะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 1 ต.ค. 67 โดยคาดหวังว่าจะมีร้านค้ามาลงทะเบียน 2 ล้านราย

ส่วนนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า พระสงฆ์ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิเข้าร่วมโครงการดิจิทัล วอลเล็ตของรัฐบาลได้ เพราะไม่ได้มีข้อห้ามลงทะเบียนแต่อย่างใด ดิจิทัลวอลเลต เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล ที่เคยประกาศ “ทำทันที” แต่ปรากฏว่า หลายอย่างไม่ชัดเจน ตั้งแต่เริ่มเปิดโครงการ ต่อมาเพิ่มเงื่อนไขคนได้รับสิทธิ์ เปลี่ยนเงื่อนไขที่มาของเงิน ซึ่งเริ่มจะมีเสียงเหน็บแนมแล้วว่า คำว่า “ได้ใช้ไตรมาสสี่” สงสัยจะเป็นวันที่ 30 ธันวาคมหรือไม่ และโครงการยังถูกวิจารณ์มากเรื่องจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ ถ้าไม่ได้ตามเป้าใครจะรับผิดชอบ

อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นที่สนใจคือ การจะยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตาประมาณ 15.00 น.วันที่ 7 ส.ค. นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า ยังมั่นใจเหมือนเดิม ทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ กกต.ไม่ได้ดำเนินการทำสำนวนตามระเบียบ กกต.เอง สิ่งที่นายชัยธวัชเคยพูดคือ “เขาว่าอาจจะไม่ยุบพรรคแล้ว” คำว่า “เขา” นายชัยธวัชชี้แจงว่า
หมายถึงความเห็นของหลายๆ คนที่พบปะด้วย จากเดิมช่วงตอนเริ่มต้นคดีคนเกือบจะ100%ฟันธงไปแล้ว เมื่อมีคำวินิจฉัยที่3/2567ออกมาพรรคก้าวไกลน่าจะถูกยุบแน่นอน แต่หลังจากนั้นจนมาถึงปัจจุบัน ความคิดเห็นหลายๆ คนน่าจะเปลี่ยน ไม่ได้หมายถึงสัญญาณจากใคร การเตรียมชื่อพรรคใหม่ตอนนี้ยังไม่จำเป็น ยังมีโอกาสชนะอยู่ถ้ารีบไปคุยกันเรื่องพรรคใหม่ ก็เป็นการส่งสัญญาณผิดๆ

นอกจากนี้ นายชัยธวัช ยังมองว่า ภาพ “ปฏิญญาเขาใหญ่” ดูเหมือนว่าภายในรัฐบาลต้องการกระชับความสัมพันธ์ เพราะอาจจะมีปัญหาภายในนอกจากความเห็นประชาชนที่มีต่อรัฐบาลที่ไม่สามารถจะส่งมอบนโยบาย ไม่มีผลงานที่เป็นที่พอใจของประชาชน มันกระทบกับรัฐบาลโดยรวมทุกพรรค ดังนั้น รัฐบาลอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักจึงจำเป็นจะต้องพูดคุยถึงทิศทางที่ชัดเจน ป้องกันไม่ให้เกิดความแตกแยก

ขณะเดียวกัน ภาพบุคคลต่างๆที่มาตีกอล์ฟ ซึ่งอันนี้รวมถึงนักธุรกิจใหญ่สำคัญในธุรกิจพลังงานด้วย ก็ทำให้ประชาชนยิ่งตั้งคำถามกับรัฐบาล ภาพนี้ก็ส่งผลต่อความไม่มั่นใจ โดยเฉพาะนโยบายเรื่องราคาพลังงาน หรือการลดการผูกขาดของทุนใหญ่ ภาพรวมการทำงานของรัฐบาล เป็นไปอย่างที่เราเคยอภิปรายทักท้วงไว้ มีแต่คำพูดลอย ๆ ไม่เห็นยุทธศาสตร์ ไม่เห็นแผนปฏิบัติ ต่างคนต่างทำ ไม่มีแผนงานที่เป็นเอกภาพ ที่น่าเป็นห่วงคือนโยบายเรือธงด้านเศรษฐกิจรัฐบาลดื้อรั้น น่าเสียดายถ้ารัฐบาลจะไม่ทบทวน เลยเมื่อวันแถลงข่าว นักข่าวพยายามถามถึงเม็ดเงินที่ใช้ จะคุ้มค่าหรือไม่ ก็ตอบไม่ได้ ไม่ตอบสักคำเดียว แสดงว่า แม้กระทั่ง ครม.เอง ก็ไม่กล้ายืนยันที่บอกว่าจะเกิดพายุทางเศรษฐกิจ

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้วิเคราะห์ลักษณะของวุฒิสภาว่า สังคมมีข้อครหาในเรื่องเอกภาพและอิสระของความเป็น สว. ก็ต้องมาดูกันต่อในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหาร ตามที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล เตรียมยื่นเข้าสู่สภา จะต้องมีการประชุมร่วมสองสภา จะได้ดูว่า สว.ที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนมากนัก จะทำเพื่อประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน ในระหว่างที่ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน

นายพิธา กล่าวว่า เสียดายที่ไม่ได้เข้าทำเนียบรัฐบาล เพราะกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และกระทรวงความมั่นคง เป็นกระทรวงที่พรรคก้าวไกลอยากจะเข้าไปบริหารเมื่อครั้งมีการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อผลักดันแก้ปัญหาในหลายเรื่อง ภายในสัปดาห์หน้า ความเคลื่อนไหวทางการเมืองคงมีหลายเรื่องที่ต้องสนใจติดตาม โดยเฉพาะเมื่อเข้าเดือน ส.ค. คดีสำคัญยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิ์นายกฯ อาจเป็นตัวแปรให้เกิดเหตุการณ์หลายๆ อย่างตามมา ซึ่งต่างก็หวังว่า เหตุการณ์คงไม่มีความรุนแรง เพราะประเทศชาติบอบช้ำ และฟื้นตัวยากพอแล้ว.

“ทีมข่าวการเมือง”