สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ว่าประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย เปิดตัวโครงการวีซ่าระยะยาว มูลค่าสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 361 ล้านบาท) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ โดยจะให้วีซ่าแก่นักลงทุนเป็นระยะเวลา 10 ปี และโอกาสเข้าถึงเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับวีซ่า 5 ปี ผู้ลงทุนรายบุคคลต้องจัดตั้งบริษัทที่มีมูลค่า 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 90 ล้านบาท) 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 180 ล้านบาท) สำหรับวีซ่า 10 ปี ในส่วนของบุคคลที่ไม่ต้องการจัดตั้งบริษัท จะต้องวางเงิน 350,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12 ล้านบาท) และ 700,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25 ล้านบาท) สำหรับวีซ่า 5 ปีและ 10 ปีตามลำดับ

ทั้งนี้ เงินดังกล่าวสามารถใช้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลอินโดนีเซีย, หุ้นบริษัทมหาชน หรือเป็นเงินฝากก็ได้ ด้านนักลงทุนในองค์กรต้องลงทุน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 902 ล้านบาท) เพื่อรับวีซ่า 5 ปีสำหรับกรรมการและกรรมาธิการ และ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,806 ล้านบาท) สำหรับวีซ่า 10 ปี

ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระบุว่า หากลงทุนในกรุงนูซันตารา เมืองหลวงแห่งใหม่ ที่กำลังก่อสร้างอยู่บนเกาะบอร์เนียว นักลงทุนจะได้รับวีซ่า 5 ปี หากลงทุนมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 180 ล้านบาท) และวีซ่า 10 ปี สำหรับการลงทุนมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 361 ล้านบาท)

ปัจจุบัน หลายประเทศเสนอโครงการวีซ่าการลงทุนที่คล้ายกัน แต่ในบางประเทศ อาทิ แคนาดา, สหราชอาณาจักร และสิงคโปร์ ยกเลิกโครงการดังกล่าวแล้ว เนื่องจากไม่ได้สร้างงาน และอาจเป็นช่องทางในการจอดเงินเก็งกำไร

วิโดโด กล่าวเพิ่มเติมว่า วีซ่าดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อดึงดูดนักเดินทางที่มีคุณภาพ “เรากำลังเปิดตัววีซ่าทองคำเพื่อให้ชาวต่างชาติลงทุนและสนับสนุนในอินโดนีเซียได้ง่ายขึ้น” เขากล่าว

นายซิลมี คาริม ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า อินโดนีเซียอนุมัติวีซ่าทองคำ ให้แก่ผู้สมัครเกือบ 300 คนแล้ว นับตั้งแต่เริ่มโครงการระยะนำร่องหรือทดสอบ เมื่อปี 2566 และดึงดูดเม็ดเงินได้ 123 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,441 ล้านบาท)

นอกจากนี้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังหารือร่วมกัน ถึงวิธีการให้สถานะพิเศษแก่ชาวต่างชาติเชื้อสายอินโดนีเซีย ซึ่งจำลองตามสถานะพลเมืองอินเดียโพ้นทะเล (โอซีไอ) ที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเชื้อสายอินเดียเดินทางมาเยือน, ทำงาน และอาศัยอยู่ในอินเดียได้ไม่จำกัดระยะเวลา ซึ่งอาจดำเนินการให้ได้ภายในเดือน ต.ค. นี้

อนึ่ง แผนการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อตอบสนองเสียงเรียกร้อง ให้อินโดนีเซียอนุญาตพลเมืองของตน สามารถมีหนังสือเดินทางได้อีกเล่มหนึ่ง.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES