เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 ก.ค. ที่ ห้องประชุมสาทร ชั้น 2 อาคารกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมืองทองธานี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศพดส.ตร.), พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน, พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผช.สอท., พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. และ พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ปฏิบัติการ “Guardian Angel” จับกุมหนุ่มใหญ่ภัยสังคม เจ้าของกลุ่มลับ Telegram ลวงเด็กถ่ายคลิปโป๊ บังคับเหยื่อตกเป็นทาส สั่งถ่ายคลิปหวิวตามบัญชา

พ.ต.อ.รุ่งเลิศ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเดือน ก.พ. 66 มีผู้ปกครองของเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาว่า บุตรสาวของตนเองถูกคนร้ายอ้างว่าเป็นหมอดูหลอกให้ถ่ายภาพและคลิปลามกอนาจารไปให้ โดยบังคับขู่เข็ญให้ส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 2 ปี โดยเมื่อ ศพดส.ตร.ร่วมกับ บช.สอท. ทราบเรื่องจึงเข้าสืบสวนกรณีดังกล่าวจึงพบว่าคนร้ายคือ นายนัฐพงษ์ (สงวนนามสกุล) หรือหมู อายุ 26 ปี จึงได้รวบรวมหลักฐานและเข้าจับกุมผู้ต้องหาพร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่ามีการล่อลวงให้เด็กส่งสื่อลามกไปให้แล้วนำไปอวดในกลุ่มในแอปพลิเคชัน Telegram ซึ่งพบว่ามีเด็กผู้ตกเป็นเหยื่อ มากกว่า 30 ราย อีกทั้งยังทำการสอนสมาชิกในกลุ่มถึงวิธีการสนทนาหลอกล่อ และข่มขู่ให้เด็กถ่ายภาพและคลิปลามกอนาจารให้ และวางแผนกันว่าจะดูตั้งแต่เหยื่อเป็นเด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่

พ.ต.อ.รุ่งเลิศ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนและขยายผลกลุ่ม Telegram ดังกล่าว พบว่ามีผู้ต้องสงสัยในคดีจำนวน 5 ราย คือ นายหมู นายกุ้ง และผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมอีก 3 ราย (ขอสงวนนามเนื่องจากอยู่ระหว่างขยายผล) โดยนายหมูได้ถูกจับกุมไปแล้วเมื่อ ก.พ. 66 ที่ผ่านมา จากหลักฐานพบว่าผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติม 3 รายดังกล่าวได้เปิดกลุ่มขึ้นใหม่หลังจากที่นายหมูถูกจับกุม โดยเปิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 67 มีพฤติการณ์เช่นเดียวกับกลุ่ม Telegram ชื่อ “รักมัธยม” ซึ่งเป็นกลุ่มเดิมที่นายหมูเป็นเจ้าของและโดนจับกุม เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนจนทราบว่าเจ้าของบัญชี Telegram ดังกล่าวคือ นายไชยยา (สงวนนามสกุล) หรือ กุ้ง อายุ 48 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่พบข้อมูลที่เชื่อมโยง ได้แก่ การโพสต์ภาพและวิดีโอลามกอนาจาร รวมถึงการโพสต์ภาพเด็กหญิงที่กล่าวอ้างว่าได้มีเพศสัมพันธ์ด้วยกัน

พ.ต.อ.รุ่งเลิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 67 เจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดตลิ่งชัน ที่ ค168/2567 ลงวันที่ 23 ก.ค. 67 เข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ซอย 57 แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร และสามารรถจับกุมตัวนายไชยยา สามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จากการตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่อง พบบัญชี Telegram ที่ใช้โพสต์ภาพและคลิปไปยังกลุ่มดังกล่าว นอกจากนี้ พบว่านายกุ้งยังเป็นแอดมินกลุ่ม Telegram อื่นๆ อีกหลายกลุ่ม และยังพบข้อมูลการสนทนากับเด็กผู้หญิงในเชิงลามกอนาจารอีกจำนวนมาก

พ.ต.อ.รุ่งเลิศ กล่าวอีกว่า จึงแจ้งข้อหา “ครอบครองและส่งต่อสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น, เพื่อประสงค์แห่งการค้าหรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชนทำ ผลิต มีไว้ หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้และบังคับขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจารไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อประการใด” เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งดำเนินคดีและขยายผลเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดที่ร่วมขบวนการดังกล่าวต่อไป

ด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ทาง พล.ต.ท.ประจวบได้สั่งการให้ บช.สอท. ขยายผลเพิ่มเติมในสี่ส่วน โดยส่วนที่หนึ่งคือทำการขยายผลไปสู่ผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย ส่วนที่สองขยายผลถึงบุคคลที่อยู่ในเครือข่าย 300 คน ที่เป็นสมาชิกกลุ่ม Telegram ดังกล่าวเพราะผู้ที่มีสื่อลามกเด็กอยู่ในครอบครองเป็นความผิดทางกฎหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนที่สามขยายผลต่อตัวผู้เสียหายทั้งกว่า 30 ราย ส่วนที่สี่ขยายผลตรวจสอบอุปกรณอิเล็กทรอนิกส์เพื่อตรวจสอบว่ามีข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่

ขณะที่ พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ในกรณีที่เหยื่อเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ต้องให้ความสำคัญทั้งหมด แต่ถ้าหากผู้เสียหายเป็นเด็กก็จะมีการระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งจะมีหน่วยงานสหวิชาชีพเข้าดูแลเหยื่อเพื่อให้เหยื่อกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติไร้ซึ่งความหวาดระแวง ทั้งนี้อยากฝากถึงผู้ปกครองและผู้ที่ตกเป็นเหยื่อกับการกระทำดังกล่าวว่า อย่าไว้ใจหรือหลงเชื่อคำพูดคนในโลกออนไลน์เพราะอาจจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้.