เป็นไอดอลของใครหลายๆ คนจริงๆ สำหรับนักแสดงและพิธีกรมากความสามารถที่มีความสุขในการต่อสู้เพื่อสังคม “บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ที่เล่าจุดเปลี่ยนชีวิตที่ผันตัวทำงานเพื่อสังคมจนได้ก่อตั้งมูลนิธิองค์กรทำดี ปัจจุบันขอใช้ชีวิตคู่อย่างเรียบง่าย เผยล่าสุดทุ่มเงินเก็บซื้อที่ดินช่วยคนอื่น สร้างมูลนิธิให้เป็นสมบัติของประเทศ ในรายการ WOODY FM แบบจัดเต็ม

บุ๋ม เผยว่า “จุดเปลี่ยนจากเดิมที่ทำงานเพื่อตัวเอง เปลี่ยนเป็นทำงานเพื่อผู้อื่น จุดเปลี่ยนคือปี 2557 คือก่อนหน้านั้นก็ทำงานในมุมของนางงามคนหนึ่งที่ช่วยงานการกุศลหรืออะไรอยู่แล้ว คือในปี 2557 มีข่าวข่มขืนบนรถไฟแล้วหันไปมองลูกสาวตัวเองแล้วก็คิดว่าทำไมมีเรื่องร้ายแรงแบบนี้ได้ แล้วอนาคตของลูกสาวจะมีใครปกป้องเขาได้ถ้าวันหนึ่งเราไม่อยู่ คนที่เป็นแม่อย่างเราจะสามารถทำอะไรเพื่อปกป้องอนาคตเขาได้ ก็เลยหันมาดูกฎหมายศึกษาจริงจังทุกอย่างเลย ชีวิตเปลี่ยนเลย ก็เลยมาดูว่ากฎหมายเกี่ยวกับผู้หญิงไม่มีเปลี่ยนมา 30 ปี ซึ่งก่อนหน้าบุ๋มไม่ใช่ว่าไม่มีใครขอเปลี่ยนนะ เขาไปประท้วงหน้าสภา คือเขาพยายามทำแล้ว เพียงแต่ว่าในมุมของบุ๋มวันนั้นเรามีพลังของสื่อ ความเป็นดาราด้วยก็เลยทำให้พลังมันแรงมาก กลายเป็นว่าน่าจะเป็นดาราคนแรกเลยมั้งที่ทำเรื่องเปลี่ยนกฎหมาย ก็เลยมีเรื่องอื่นๆ ตามมา ความช่วยเหลือจากผู้หญิงด้วยกัน เรื่องของคดีความอะไรอย่างนี้เข้ามา กลายเป็นว่าเราเริ่มอินกับมัน แล้วรู้สึกดีที่ได้ช่วย รู้สึกดีที่เป็นพลังให้พวกเขา รู้สึกดีที่บางทีเขาแจ้งความมาเป็นปีแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือเลย กลับกลายเป็นว่าแสงสว่างที่เรามี หรือเสียงดังที่เรามีมันกลายเป็นพลังให้กับเขา หาความยุติธรรมเพิ่มเติมให้กับเขา รู้สึกดีจัง เราเลยต้องทำในวันที่ฉันยังดังอยู่ เลยกลายเป็นมูลนิธิที่ใหญ่ระดับประเทศ ชื่อมูลนิธิองค์กรทำดี ถามว่าใช้เวลากี่เปอร์เซ็นต์ของชีวิตเรา ตอนนี้ 70% เลยค่ะ เพราะว่าตื่นมาหรือขณะที่นอน มันกลายเป็นว่าเคสวันนี้วิ่งรถกี่คัน ไปต่างจังหวัดโรงพยาบาลขอความร่วมมือมา หรือมีเคสข่มขืนจัดการยังไง มันหลายอย่างมากเลย”

“จริงๆ เรื่องคนอื่น เราอินจริงแต่ตัดได้เร็วค่ะ เพราะว่าถ้าตัดไม่เร็วนะ ซึมเคร้าแน่นอนค่ะ เหมือนน้องหลายๆ คนที่เคยเข้ามาช่วย พอรับฟังเรื่องราวเยอะๆ ตัดไม่ได้ แม่หนูขอหยุดนะ มีเยอะเลย แต่สำหรับตัวเรากลับกลายเป็นว่าตัดได้ง่ายมาก เพราะว่าเรารู้สึกว่าทุกเคสสำคัญหมด เราแสดงความเสียใจนะแต่ชีวิตยังต้อง Go On ยังต้องมีเคสอื่นที่เราต้องมีสติในการดูแลรักษาเขา และดูแลครอบครัวของเราเองด้วย มองว่าเรื่องเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา จริงๆ สำหรับบุ๋มเอง สมัยก่อนหรือสมัยนี้บางทีโพสต์อะไรก็เป็นข่าวแล้ว เพียงแต่ว่าพอเป็นเรื่องของคุณก๊อต (สามี) เขาบอกว่าเขาเป็นคนนอกวงการบันเทิง ไม่อยากอยู่ในแสงสีเท่าไหร่ ขอใช้ชีวิตเงียบๆ ขอเลี้ยงลูกด้วยความสงบ เราก็เข้าใจ มันขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ว่าเขาอยากอยู่ในแสงสีมากแค่ไหน ไม่ใช่ว่าไม่มีรายการเชิญเขาไปนะ มีเยอะมากเลย ส่วนลูกชายน้องอเล็กซ์ ซนค่ะ พลังงานเยอะมาก ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะมีลูกคนหนึ่งที่สามารถวิ่งได้ทั้งวัน (หัวเราะ) กลายเป็นว่าตอนนี้ต้องมีพี่เลี้ยงถึง 2 คน ลูกอยู่กับคุณพ่อมากกว่าแม่ เพราะคุณพ่อเขาขอค่ะ ขอเป็นคนเลี้ยงเอง เพราะเขาฝันมานานมากแล้วว่าอยากมีลูกชาย อยากเลี้ยงแบบสไตล์ที่เขาเล่น ส่วนอันดาตอนนี้เรียนแพทย์ปี 1 ค่ะ”

บุ๋ม เล่าต่อว่า “ที่ผ่านมาบุ๋มทำเพื่อคนอื่นเยอะมาก เคยให้อะไรกับตัวเองไหม พอเอาจริงๆ ก็นึกไม่ออกว่าตัวเองอยากได้อะไรกับชีวิต เคยนั่งมองนาฬิกาหรูๆ นั่งมองแบรนด์เนม สวยนะอยากซื้อ แต่เรากลับรู้สึกว่าเอาตังค์ไปช่วยเด็กดีกว่า ลูกบุญธรรมยังต้องเรียน มูลนิธิยังต้องสร้าง เอาไปตรงนั้นก่อนคิดอย่างนี้ เดี๋ยวของฉันไว้ทีหลัง คือเหตุผลหนึ่งที่คุณสามีที่เขามาขอเราแต่งงาน เพราะเขาบอกว่าชีวิตบุ๋มเหมือนทำเพื่อคนอื่นเยอะมากเลย เพื่อครอบครัวของบุ๋มเอง เพื่อคนรอบข้าง เพื่อลูกน้อง เพื่อมูลนิธิ และเพื่อประชาชนอีก แต่ไม่มีอะไรเลยที่บุ๋มเคยพูดว่าจะทำอะไรเพื่อตัวเอง แต่มาวันนี้บุ๋มมีแล้วนะ ล่าสุดบุ๋มเพิ่งเอาเงินเก็บก้อนที่เก็บเอาไว้ไปซื้อที่ดินตรงรังสิตคลอง 8 จะทำมูลนิธิองค์กรทำดี แบบที่มี Shelter สำหรับผู้หญิง มีโรงทาน มีสวนปฏิบัติธรรม แล้วก็เป็นมูลนิธิที่ใช้วิ่งรถช่วยเหลือประชาชน จะทำตรงนั้นแล้วก็ทิ้งไว้ให้เป็นสมบัติของประเทศชาติค่ะ”