เมื่อวันที่ 25 ก.ค. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.สส.3 บก.สส. บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ และนักเรียนสืบสวนอาญาขั้นพิเศษ TOP G จับกุม น.ส.วิชาดา (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี และนายสุรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี พร้อมด้วยของกลาง โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ถ่ายทำสื่อลามกฯ โดยจับกุมได้ที่บริเวณห้องนอนภายในบ้าน ซอยรามคำแหง 54 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ตรวจสอบพบว่ามีการประกาศขายสื่อลามกอนาจารผ่านแอป แพลตฟอร์ม X ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 400,000 บัญชี ต่อมาสายลับติดต่อเพื่อสอบถามหากสนใจต้องทำอย่างไร และให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร จากนั้นสายลับได้โอนเงิน 699 บาท และบัญชีผู้ใช้ X ได้อนุมัติให้เข้าติดตามบัญชีแอคล็อก ซึ่งเป็นบัญชีส่วนตัว และพบว่าเจ้าของบัญชี X ร่วมกับผู้อื่นในการผลิตและถ่ายทำวิดีโอลามกอนาจาร ซึ่งมีภาพสื่อลามกอนาจารจำนวนมาก

ต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายค้นที่ 708/2567 ลงวันที่ 23 ก.ค. 67 ให้ตรวจค้นบ้านที่พักอาศัยของเจ้าของบัญชีดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในห้องนอนชั้นสามของบ้าน พบ น.ส.วิชาดา และ นายสุรศักดิ์ ยินยอมให้ตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือและเสื้อผ้าที่ใช้ถ่ายทำวิดีโอลามกอนาจาร จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวน น.ส.วิชาดา และ นายสุรศักดิ์ รับว่าเป็นบุคคลทั้งสองในคลิปวิดีโอที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบในโทรศัพท์มือถือและในบัญชี X ดังกล่าวจริง โดย น.ส.วิชาดา และ นายสุรศักดิ์ รับว่าได้ร่วมกันผลิตและถ่ายทำวิดีโอลามกอนาจารที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบ

ผู้ต้องหาทั้งสองให้การอีกว่า น.ส.วิชาดา เดิมมีอาชีพรับจ้างถ่ายแบบและเป็นอินฟลูฯ ในแพลตฟอร์ม TikTok และมีผู้ติดตามอยู่จำนวนหนึ่งอยู่แล้ว จนเมื่อประมาณปี 2565 ได้มีผู้ติดตามของตนเชียร์ว่าให้เปิดแอคล็อก ผ่านแพลตฟอร์ม Twitter หรือ X น.ส.วิชาดา จึงได้ผันตัวมาเป็น Sex Creator และมีผู้ติดตามกว่า 400,000 บัญชี โดยในช่วงแรกนั้น น.ส.วิชาดา ได้นำเข้าในลักษณะสำเร็จความใคร่เพียงคนเดียว ต่อมาไม่นานได้คบหากับ นายสุรศักดิ์ โดย นายสุรศักดิ์ รับได้ว่า น.ส.วิชาดา เป็น Sex Creator และเริ่มที่จะทำ Content ด้วยกัน ผู้ต้องหาทั้งสองคนจึงได้ลองอัดคลิปวิดีโอขณะมีเพศสัมพันธ์ของตนเองลงในบนแพลตฟอร์ม X โดยใช้วิธีเก็บค่าสมาชิก โดยมีรายได้ต่อเดือน 30,000-70,000 บาท

ผู้ต้องหาทั้งสอง ได้กล่าวอีกว่า ฝากข้อคิดคำเตือนมายังผู้ที่คิดจะทำผิดว่า เรื่องที่ทั้งสองทำนั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่ควรทำตาม และไม่อยากให้คนอื่นทำผิดเหมือนตน โดยทั้งสองยังบอกอีกว่าปัจจุบัน พบว่ามีสื่อลามกเกี่ยวกับเด็กอายุไม่ถึง 20 ปีเพิ่มขึ้นมาก และมีเด็กอายุ 14-16 มาขอร่วมงานกับทั้งสอง แต่ก็ต้องปฏิเสธไป เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อีกทั้งยังมีการว่าจ้างงานที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติดหรือพนันออนไลน์ ซึ่งทั้งสองก็ปฏิเสธไป เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเช่นกัน สุดท้ายทั้งสองรับว่าหากจบเรื่องนี้จะขอไปทำงานที่ถูกต้อง และยังฝากอีกว่าไม่นึกว่าจะถูกสืบนครบาลจับ เพราะทั้งสองก็เป็นแฟนคลับสืบนครบาลเช่นกัน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้, เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก, ผลิต มีไว้ซึ่งสื่อลามกเพื่อการค้าเพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน, ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชน หรือให้เช่าวัตถุหรือสิ่งของเช่นว่านั้น” ถูกนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช มีความห่วงใย เด็กวัยรุ่นทั้งชายและหญิงในเรื่องการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งผู้ปกครองและทุกฝ่ายต้องช่วยกันระมัดระวัง หมั่นตรวจสอบการใช้สื่อออนไลน์ของบุตรหลานของท่าน ว่ามีความผิดปกติน่าสงสัยหรือไม่ ส่วนเรื่อง sex creator แม้พฤติการณ์ดังกล่าวในหลายประเทศอาจถือว่าไม่เป็นความผิด แต่สำหรับประเทศไทย กฎหมายได้บัญญัติไว้เป็นความผิดอย่างชัดเจน จึงขอให้เข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการบังคับใช้กฎหมายด้วย กรณีผู้ที่ปรากฏในสื่อลามกเป็นผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป) เพื่อประสงค์แห่งการค้าฯ นำเข้า ผลิต เผยแพร่สื่อลามกอนาจารฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา มาตรา 287(1) และข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.