เมื่อวันที่ 24 ก.ค. นายสัญญา ผาใต้ อายุ 45 ปี พร้อมด้วย นายณัฐพงศ์ ผาใต้ อายุ 20 ปี สองพ่อลูก เข้าขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีลูกชายถูกแก๊งลูกตำรวจใน จ.สกลนคร ยกพวกบุกเข้ามารุมทำร้ายร่างกายภายในบ้านพักโดยใช้อาวุธมีดฟันจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเย็บกว่า 100 เข็ม เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 6 ต.ธาตุ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 67 ผ่านมานานกว่า 1 เดือน คดีไม่คืบหน้า

นายสัญญา ผู้เป็นพ่อ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดเมื่อช่วง 23.20 น. ของวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะลูกชายกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับกลุ่มเพื่อนรวม 5 คนอยู่ที่เพิงพักบริเวณหลังบ้าน จู่ ๆ มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 12 คน ขี่รถ จยย. เข้ามาในหมู่บ้าน จากนั้นวัยรุ่น 5 คนบุกถือมีดดาบเข้ามาไล่ฟันลูกชายและเพื่อนทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ซึ่งลูกชายนั่งอยู่ริมสุดทำให้ถูกฟันเข้าที่บริเวณเอวจนต้องวิ่งหนีตายเอาชีวิตรอด แต่ลูกชายโชคร้ายสะดุดล้มทำให้ถูกรุมฟันที่ศีรษะ ลำตัว ได้รับบาดเจ็บสาหัสมีบาดแผลทั่วตัว ทั้งที่หน้าผาก ปาก คาง และแผ่นหลังถูกฟันรวม 5 แผล แต่หนักสุดคือที่หนังศีรษะถูกฟันเป็นแผลยาว 6 ซม. จนกะโหลกร้าว และบริเวณจมูกด้านซ้ายถูกฟันจนเปิดเป็นแผลยาว 5 ซม. แพทย์ทำการรักษาเย็บบาดแผลทั่วตัวมากกว่า 100 เข็ม รวมถึงต้องส่งตัวไปศัลยกรรมจมูกที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด เนื่องจาก รพ.แรกไม่สามารถเย็บบาดแผลที่จมูกให้ได้ รวมระยะเวลาที่ต้องพักรักษาตัวต่อเนื่องนาน 1 เดือน

หลังก่อเหตุกลุ่มวัยรุ่นได้ตะโกนถามหาคนชื่อ “เต๋อ” ซึ่งเป็นคู่อริ และไม่ใช่กลุ่มเพื่อนของลูกชาย คาดว่ากลุ่มวัยรุ่นตั้งใจมาทำร้ายคู่อริที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับลูกชายแต่ไม่พบตัว แล้วมาเห็นกลุ่มลูกชายและเพื่อนนั่งกินข้าวกันอยู่จึงปรี่เข้ามาทำร้ายเพื่อประกาศศักดา รวมถึงหลังก่อเหตุกลุ่มวัยรุ่นยังโพสต์ภาพอาวุธลงในโซเชียลมีเดียอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายด้วย หลังเกิดเหตุตนได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.วานรนิวาส แต่ผ่านมานานกว่า 1 เดือนแล้ว คดีกลับยังไม่มีความคืบหน้า ตำรวจเพียงเรียกกลุ่มผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำเพียง 8 คน อ้างว่าทางกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ได้ซัดทอดไปยังคนอื่น แต่ผู้เสียหายเชื่อว่าผู้ก่อเหตุ 4 คนที่ถูกกันตัวไว้เป็นลูกหลานตำรวจทำให้คดีล่าช้า

นอกจากนี้ตำรวจยังโทรศัพท์มาเจรจาให้พ่อของผู้เสียหายยินยอมไกล่เกลี่ยแล้วรับเงินค่าเสียหาย 1 แสนบาทเพื่อจบเรื่อง อ้างว่า กล้องวงจรปิดเห็นภาพไม่ชัด และผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นเยาวชนมีอายุ 19 ปีเพียงแค่ 1 คน หากขึ้นศาลเยาวชนโทษก็ค่อนข้างน้อย แต่พ่อของผู้บาดเจ็บ ยืนยันว่า ต้องการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุจนถึงที่สุด

ด้านนายเอกภพ เปิดเผยว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานตำรวจ หรือผู้มีอิทธิพลก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย โดยหลังจากนี้ตนจะประสานไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร ให้เข้ามาตรวจสอบและเร่งรัดคดีดังกล่าว พร้อมทั้งจะพาผู้เสียหายไปยื่นขอรับเงินเยียวยาที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ กระทรวงยุติธรรม

ต่อมาทีมข่าวได้โทรศัพท์สอบถาม พ.ต.อ.พินิจ ประสิทธิ์เขตกิจ ผกก.สภ.วานรนิวาส ระบุว่า ได้มีการสอบถามร้อยเวรเจ้าของคดีแล้ว ทราบว่าตอนนี้ อยู่ระหว่างขั้นตอนการเรียกตัวผู้ก่อเหตุมาแจ้งข้อกล่าวหา ยืนยันว่าทราบตัวผู้กระทำความผิดแล้ว มีการออกหมายเรียกแล้วประมาณ 5 คน มีทั้งผู้ใหญ่และเยาวชน แต่ผู้ต้องหายังไม่มาพบ

ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายบอกว่า มีกลุ่มผู้ก่อเหตุมากกว่านี้แต่ไม่ถูกออกหมายเรียกจึงกลัวว่าจะเป็นเพราะเป็นลูกหลานตำรวจหรือไม่นั้น ผกก.สภ.วานรนิวาส ยืนยันว่า ไม่มีแน่นอน หากเป็นตำรวจก็คงไม่กล้าช่วยกันขนาดนี้ แต่การดำเนินคดีต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน บางครั้งหากมีแต่กล้องวงจรปิดบางส่วน ก็ต้องหาพยานมายืนยันด้วย ซึ่งยืนยันว่าหากพบความผิดก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมดให้ครอบคลุม

ผกก.สภ.วานรนิวาส เผยอีกว่า ทั้งนี้ยอมรับว่า ความล่าช้าที่อาจเกิดจากการดำเนินการของร้อยเวรเจ้าของคดีที่ทำให้ผู้เสียหายไม่พอใน ซึ่งตนได้ตำหนิและกำชับไปยังหัวหน้างานสอบสวนให้เร่งดำเนินการแล้ว และจะประสานไปยังผู้เสียหายด้วย แต่ยืนยันว่ากระบวนการตอนนี้ยังอยู่ในกรอบเวลา 2 เดือนของการดำเนินคดีในอำนาจของร้อยเวร ส่วนประเด็นที่ผู้เสียหายบอกว่า ทางตำรวจมีความพยายามขอให้ไปไกล่เกลี่ยนั้น ยังไม่ทราบประเด็นนี้ ยืนยันว่า ไม่มีใครมาพูดคุยขอให้ประวิงเวลาในการดำเนินคดี.