เมื่อวันที่ 23 ก.ค. จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นนักเรียนโพสต์ภาพและคลิปอุบัติเหตุใน จ.สุรินทร์ ที่มีรถกระบะคันหนึ่งสภาพพังเสียหายยับเยิน หลังพานักเรียนจำนวนหนึ่งแหกโค้งได้รับบาดเจ็บ พร้อมระบุข้อความว่า “โรงเรียนแห่งหนึ่งจัดกิจกรรมให้เด็กแห่เทียนเข้าพรรษา มีครูคนหนึ่งเมาตั้งแต่ถึงวัดไม่ทราบว่าไปดื่มที่ไหนมา ขากลับนักเรียนขึ้นหลังรถกระบะเพื่อที่จะกลับไปโรงเรียนโดยมีครูคนที่เมาเป็นผู้ขับ จนเกิดเหตุการณ์รถแหกโค้งจนคว่ำ มีเด็กบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก”

หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีคนเข้ามาแชร์ต่อและแสดงความเห็นจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับกลุ่มนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยนักเรียนคนที่โพสต์ยังคอมเมนต์ ระบุอีกว่าครูคนขับรถแทนที่จะรีบมาดูนักเรียนที่บาดเจ็บ แต่กลับนั่งอยู่หน้ารถดูสถานการณ์ ต่อมาครูดังกล่าวได้ออกมายอมรับว่า ก่อนหน้านี้ได้ไปดื่มเหล้ามาจริง แต่วันเกิดเหตุไม่ได้ดื่ม ซึ่งยังคงมีอาการเมาแฮงก์ และมีกลิ่นเหล้าติดตัวอยู่ อาจจะทำให้เด็กนักเรียนรวมถึงคนอื่นๆ เข้าใจผิด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเด็กนักเรียนรวมกลุ่มกันจำนวนกว่า 100 คน ภายในโรงเรียนโคกยางวิทยา ต.โคกยาง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เพื่อที่จะประท้วงขับไล่ครูคนที่ก่อเหตุ โดยตัวแทนนักเรียนได้ประกาศแสดงจุดยืนและเจตนารมณ์ พร้อมขับไล่ครูเนื่องจากพูดไม่เป็นความจริง ในการนำเสนอสื่อ พูดว่าไม่ได้กินเหล้า แล้วก็ไม่ได้ให้เด็กนักเรียนขึ้นรถ ทั้งๆ ที่ครูป็นคนประกาศให้นักเรียนไปขึ้นรถเอง ในวันที่อยู่ที่วัด ก็ยังมีอาการนั่งแทบจะไม่อยู่ นักเรียนได้ถ่ายคลิปเอาไว้ นอกจากนี้ยังทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนคนที่ชื่อ “บาส” นักเรียนจึงอยากให้ครูคนนี้ออกไป เพราะว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นครู

ครูหนุ่มยืนยันไม่ได้เมาแต่แค่แฮงก์ ขับรถพานักเรียนพลิกควํ่าเจ็บ 16 ราย

ขณะที่ตัวแทนเด็กนักเรียนได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ที่มารวมตัวกันประท้วงเพราะว่าอยากให้ครูออกไป เพราะว่าแกพูดไม่เป็นความจริง เพราะที่แกออกมาให้สัมภาษณ์สื่อที่พูดออกมาไม่เป็นความจริงเลย ที่บอกว่าไม่ได้กินเหล้า เพราะวันนั้นแกเมาจริงๆ และเห็นในวัดด้วย ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และการมาแสดงจุดยืนในครั้งนี้ก็คืออยากให้น้องๆ ที่บาดเจ็บได้รับการดูแลได้รับการเยียวยาที่ดีกว่านี้ น้องทั้งเจ็บทั้งเสียขวัญ บางคนซี่โครงร้าว ครูยังได้บอกว่า ไม่ได้ให้นักเรียนขึ้นรถ ทั้งๆ ที่ตัวแกเองประกาศใส่ไมค์บอกให้นักเรียนไปขึ้นรถ

“ถ้าไม่มีอะไรคืบหน้าก็จะมีการเคลื่อนไหวเพิ่มเติมอีก พร้อมกับบอกว่าจะรอดูผลตรวจแอลกอฮอล์ เพราะต้องเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแน่นอน แต่ถ้าไม่เกินตามกฎหมายกำหนด ถือว่าเป็นการช่วยเหลือกันแน่นอน” ตัวแทนเด็กนักเรียน กล่าว

ด้านนักเรียนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้เล่าว่า อยากให้น้องๆ ได้รับความยุติธรรม เพราะว่าคุณครูที่เมาก่อเหตุไม่ยอมรับว่าแกเป็นคนทำ ไม่ยอมรับว่าตัวเองกินเหล้า แล้วบอกว่ากินเมื่อวันพฤหัสบดี แล้วมาวันศุกร์ยังได้กลิ่นอยู่ ตนเองก็เลยไม่เชื่อเพราะว่ากินเหล้าวันพฤหัสบดี ตอนเช้ามาทำงานต้องอาบน้ำแต่งตัวมาทำงานอยู่แล้ว แต่เมื่อวันศุกร์ยังได้กินเหล้าแล้วมีอาการเมา แล้วก็ในวัดยังใช้ขาเตะน้อง และใช้ขาเขี่ยน้องตอนอยู่ในโบสถ์ ก็คืออยากให้แกออกมายอมรับความจริงว่าแกเป็นคนทำว่าแกเป็นคนกิน ไม่รู้ว่าแกกินในวัดหรือเปล่า

เพราะตอนที่แกเตะน้องตนเองก็นั่งอยู่ใกล้กับน้อง แล้วแกพูดอะไรสักอย่างกับน้องนี่แหละ แล้วน้องก็กลัว น้องเลยออกจากโบสถ์ไปแล้วก็ร้องไห้ พอหันไปอีกทางหนึ่งแกก็ใช้ขาไปเตะกับอีกหลายๆ คน พฤติกรรมแบบนี้มันไม่ถูกต้อง เห็นน้องๆ บอกว่าได้กลิ่นเหล้าที่โรงเรียนทุกวันในระหว่างที่แกสอน เพราะว่าน้องที่เรียนกับแกบอกว่ากินเหล้าทุกวัน แล้วมีครูบอกว่าให้ลบคลิปจริง ก็คือวันแรกที่ลงคลิป คุณครูเกือบทุกคนสั่งให้ลบคลิป บอกว่าเดี๋ยวมันจะดัง ตนเองก็เลยไม่กลัวเพราะมันคือความจริง ก็คืออยากให้น้องๆ ได้รับความยุติธรรม ไม่ใช่แค่มาผูกแขน 500-1,000 บาท มันไม่ถูกต้อ งเพราะว่ามันเป็นชีวิตของคนทั้งคน เสียชีวิตขึ้นมาจะทำยังไง ใครจะรับผิดชอบ

แล้วครูคนที่ก่อเหตุดันไปบอกนักข่าวว่าแกไม่ชินทางนั้น ทั้งๆ ที่บ้านแม่แกอยู่บริเวณแถวๆ นั้น แล้วบอกว่าไม่ชินทาง แต่ตอนเวลาขับรถออกตัวเร็วมาก ก็เลยพูดกับเพื่อนว่าทำไมให้คนเมาขับอย่างนั้น ขับเร็วมากแล้วก็ขนนักเรียนไปเยอะมาก จึงได้ไปสอบถามกับน้องที่เกิดเหตุในวันนั้น น้องได้บอกว่าครูขับเร็วมาก แล้วน้องก็ร้องแล้วก็ตกใจกับเหตุการณ์นั้น แต่พอถามครูก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ให้น้องขึ้นมา น้องมันขอขึ้นมาเอง ทั้งๆ ที่วันนั้นก็เป็นคนประกาศที่วัด โดยใช้คำพูดว่า ใครอยู่บ้านใกล้กู อยู่บริเวณใกล้บ้านกู ให้มาขึ้นรถกู ทุกคนได้ยินหมด.