เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี พ.อ.ปณต เขตต์สันเทียะ ทีมกฎหมาย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เดินทางมายื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. เรื่องขอร้องเรียนในกรณีที่อดีต ผวจ.ปทุมธานี มีคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้มีหนังสือถึง ผวจ.ปทุมธานี คนปัจจุบัน ให้ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่

พ.อ.ปณต กล่าวว่า มายื่นเรื่องกรณีที่อดีต ผวจ.ปทุมธานี มีคำสั่งเมื่อปี 46 ว่า ผู้สมัครรายหนึ่ง พ้นจากการเป็น นายก อบจ. ไปแล้ว จึงไม่สามารถที่จะสั่งเพิกถอนได้ แต่จากการที่ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และดูข้อกฎหมายต่างๆ แล้ว ผู้สมัครคนดังกล่าวไม่ได้พ้นตั้งแต่ปี 55 เนื่องจาก คสช. ได้มีคำสั่งที่ 35/2558 ผู้สมัครคนดังกล่าวให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนมีคำสั่ง 35/60 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เลย เมื่อปี 62 ได้มีคำสั่งของสำนักนายกฯให้กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ได้เคยไปยื่นร้องเรียนที่ กกต. แล้ว ต่อมาเมื่อ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเมื่อปี 64 แล้ว ถือว่าความผิดปรากฏเด่นชัดเกี่ยวกับเรื่องของการทุจริต ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญแล้ว ถือว่าผู้ที่ถูกสอบสวนปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่องมา และมีคำสั่งของ ป.ป.ช. หลังจากนั้นก็ดี ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องไปให้กับอัยการพิจารณา แต่ความเห็นของอัยการมีความเห็นว่า พยานหลักฐานไม่พอที่จะสั่งฟ้อง ทำให้ส่งเรื่องให้กับ ป.ป.ช.

พ.อ.ปณต กล่าวอีกว่า ป.ป.ช. จึงได้มาตรวจสำนวนแล้วพิจารณาว่า มีความเห็นสั่งฟ้อง จึงสั่งฟ้องไปเมื่อปี 67 ต่อศาลอาญาทุจริตภาค 1 เมื่อเดือนมกราคม ตรงนั้นถือว่าเป็นการยืนยันแน่ชัดว่าทำการทุจริต รู้เหตุกระทำผิดและมีความเห็น เพราะฉะนั้นการนับเวลาที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อปี 64 ท่านบอกว่าพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว 2 ปี จึงไม่น่าจะถูกต้อง เราจึงมาร้องเรียน ป.ป.ช. ถึงคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้ ป.ป.ช. ส่งมติ และผลการรับฟ้อง ได้ยื่นฟ้องต่อศาลทุจริตและศาลทุจริต เท่าที่ทราบได้ไต่สวนพยานหลักฐานรวมถึงมีการนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 17 กันยายนนี้

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า จะมีการวิ่งเต้นโดยนักการเมืองใหญ่ในจังหวัดภาคตะวันออก ยอดเคลียร์ถึง 40 ล้านบาท ให้ยกฟ้องคดีทุจริตดังกล่าวหรือไม่ พ.อ.ปณต กล่าวว่า เท่าที่ทราบ คาดว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่จะวิ่งเต้นโดยเสียเงินเสียทองให้ศาล ซึ่งเป็นหน่วยงานยุติธรรม และเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้มากที่สุดได้ มองว่าอาจเป็นข่าวลือ ซึ่งจะมาพูดลอยๆ ไม่ได้ ต้องมีหลักฐาน อีกทั้งเงินมากถึง 40 ล้าน ไม่ใช่น้อยๆ คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้