จากกรณีที่นายบุญมา หรือ เสี่ยตุ๊ง อายุ 49 ปี คลุ้มคลั่งทะเลาะกับคนในบ้าน ก่อนจะใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม ที่จะเข้าไประงับเหตุจนเสียชีวิต และยังมี ด.ต.ไชยวัฒน์ อัตโสภณวัฒนา ผบ.หมู่ ป.สน.ท่าข้าม ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากถูกสะเก็ดกระสุนกระเด็นใส่ที่บริเวณนิ้วโป้งมือซ้าย ที่บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 2 แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 20 ก.ค. กระทั่งรุ่งเช้านายบุญมา (ผู้ก่อเหตุ) เสียชีวิตในภายหลัง ต่อมาทางครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ได้นำร่างเคลื่อนย้ายออกจากตึกภาควิชานิติเวชศาสตร์ รพ.ศิริราช มาที่วัดยางสุทธาราม แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เพื่อเข้าสู่พิธีสวดพระอภิธรรม ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 18.20 น. วันที่ 22 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดยางสุทธาราม ว่า ตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังจากญาติได้นำร่างของพ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม มาประกอบพิธีศาสนา พบว่ามีบุคคลสำคัญทางการเมืองและตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายนายได้ส่งพวงหรีดมาร่วม แสดงความอาลัยและเข้าร่วมงานพิธีสวดพระอภิธรรม อาทิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และภรรยา เป็นต้น พร้อมทั้งบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นตำรวจอีกหลายนาย นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยังได้เดินทางมาร่วมพิธีสวดพระอภิธรรม พร้อมเปิดเผยว่า สำหรับการเยียวยากรณีของ “รองหรั่ง” หรือ “พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์” รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม ก็จะมีการเยียวยาตามกฎหมายปกติ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ค.) กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) จะดูรายละเอียดต่อไป ซึ่งก็เป็นไปตามกฎหมายทั่วไป อย่างไรก็ตาม เรายังมีกฎหมายของตำรวจที่ต้องดูประกอบอีกในเรื่องของการดูแลเยียวยา นอกจากนี้ เป็นเรื่องที่ต้องขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของรองหรั่ง เพราะตัวเขาเองเคยไปทำงานที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และยังเป็นนายตำรวจที่มีความรู้ความสามารถ เป็นตำรวจที่ดี เหมือนเราได้สูญเสียกำลังสำคัญของประเทศไป ตนมองว่าสังคมต้องมาทบทวนในการปฏิบัติ ซึ่งรองหรั่งไม่ได้ประมาท แต่เท่าที่ดูประวัติของผู้ก่อเหตุ เขามีอาการจิตเวชและไม่ได้ทานยามาเป็นปี ซึ่งคนที่เป็นจิตเวชก็เป็นเรื่องที่รัฐต้องเข้ามาดูแล เพราะยังมีจำนวนมาก

ส่วนการให้กำลังใจครอบครับของรองหรั่ง พ.ต.อ.ทวี เผยว่า เมื่อสักครู่ตนได้สอบถามทางภรรยาของรองหรั่ง เบื้องต้นยังมีกำลังใจอยู่ และก็บอกกล่าวว่าสามีเคยทำงานที่ภาคใต้ในหลายอำเภอในช่วงที่ตนปฏิบัติหน้าที่อยู่ จึงได้รู้จักกัน อีกทั้งทราบว่าลูกของรองหรั่งก็ได้สอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ทั้งนี้ จากการพิจารณาเบื้องต้น ครอบครัวของผู้ก่อเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เพราะมันก็เกิดจากอาการป่วยของผู้ก่อเหตุเอง แต่การเยียวยา เราต้องเยียวยาผู้เสียหาย

พ.ต.อ.ทวี เผยด้วยว่า สำหรับกลุ่มคนที่มีอาการทางจิตเวช เราก็ต้องไปยกระดับเรื่องการดูแล และต้องเข้าใจว่าจิตเวชไม่ได้มาจากเรื่องยาเสพติดเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ก็มาจากภาวะซึมเศร้าด้วย รวมถึงอาการของจิตเวชจะคล้ายผู้ป่วยความดันสูง เป็นเบาหวาน หากไม่ได้รับประทานยาก็จะมีอาการเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วงใย ทั้งนี้ สังคมไทยปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยจิตเวชสูงขึ้น ดังนั้น รัฐจึงควรเข้ามายกระดับ แม้แต่ในสภา ก็มีสมาชิกหลายรายที่รับว่าตัวเองมีอาการทางจิตเวชเช่นกัน

พ.ต.อ.ทวี เผยต่อว่า ส่วนเรื่องอาวุธเราควรมีกฎหมายควบคุม แม้เป็นผู้มีอาการทางจิตเวชจะอยู่ในสังคมปกติได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการครอบครองอาวุธปืน หากผู้นั้นมีอาการทางจิตเวช ก็ต้องยกเลิกใบอนุญาตการครอบครองปืนไปเพื่อความปลอดภัย.