เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 22 ก.ค. ที่ศาลา 3 วัดยางสุทธาราม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 และญาติพี่น้อง และกลุ่มเพื่อน เดินทางมาเคารพศพ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม ที่เสียชีวิตจากการเข้าระงับเหตุชายคลุ้มคลั่ง โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

ต่อมาในเวลา 15.50 น. พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า ตนได้มีการพูดคุยกับนายกฯ ซึ่งนายกฯ ได้เป็นห่วงและเน้นย้ำความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ และพร้อมสนับสนุนอุปกรณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ อะไรที่ทางตำรวจขาดเหลือ ท่านนายกฯ จะจัดสรรให้ และในส่วนของเสื้อเกราะไม้อัดที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในโลกโซเชียลขณะนี้ ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว เป็นเพียงกระแสการพูดคุยกันในโซเชียลเท่านั้น ทั้งนี้ในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการที่สำเร็จหรือล้มเหลว ก็จะนำมาถอดบทเรียนและนำไปฝึกอบรมให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาต่อไป

ต่อมาในเวลา 16.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้เดินทางมาพิธีรดน้ำศพ และภายหลังจากเข้าแสดงความเคารพศพ ก็ได้เดินทางกลับในทันที

ด้าน พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ. ซึ่งเป็นหลานของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจหลังจากทราบเหตุ แต่ส่วนตัวเข้าใจว่า ในวันเกิดเหตุ อาคงคิดว่าเหตุเบาลงแล้ว เพราะตอนแรกเห็นอาใส่ชุดเกราะ และมีการเจรจากับผู้ก่อเหตุแล้ว ประกอบกับภรรยาของผู้ก่อเหตุห่วงลูก และอยากให้นำตัวลูกออกมาจากบ้าน อาของตนจึงเข้าไปชาร์จ แต่ลูกผู้ก่อเหตุวิ่งสวนออกมา จึงทำให้อาเสียหลัก และเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น เชื่อว่าอาประเมินสถานการณ์มาแล้ว เพราะบ้านหลังนี้เกิดเหตุการณ์ประมาณนี้หลายครั้งแล้ว

พ.ต.ท.วันเผด็จ กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกเสียใจ ไม่ว่าใครก็ไม่ควรจบชีวิตแบบนี้ แต่ก็มองว่าเป็นการสูญเสียที่มีผลประโยชน์ เพราะหากอาไม่ถูกยิง อาจจะเป็นเด็กที่ถูกยิง และไม่ได้เติบโตมาก็ได้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่อยากโทษใคร เพราะมองว่าชีวิตคนสำคัญทุกคน ซึ่งทุกเรื่องไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และไม่มีใครรู้ว่าจะเกิด เพราะเป็นอารมณ์ชั่ววูบของคนบางคน

พ.ต.ท.วันเผด็จ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับตนเองที่มาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เพราะว่าอาตั้งความหวังอยากให้เป็นตำรวจตั้งแต่เด็ก ประกอบกับคุณปู่ที่มีความชอบอาชีพนี้ และอยากให้ลูกหลานเป็น จึงเป็นตำรวจตามที่อาหวัง และอาคอยสอนมาเสมอมาว่า ทุกคนต้องรู้หน้าที่ ควรอยู่ในกรอบ และชีวิตต้องไม่ประมาท ตอนนี้อาก็เสียชีวิตไปแล้ว ตนเองจะอ่อนแอไม่ได้ และเชื่อว่า อารู้ว่าตนรู้หน้าที่ว่าจะต้องทำอะไรต่อ เพราะที่ผ่านมา อาไว้ใจตนมาตลอด ซึ่งตนก็ตั้งใจทำให้ครอบครัวสบาย

ต่อมาในเวลา 16.50 น. เจ้าหน้าที่ได้เชิญกล่องน้ำหลวงพระราชทาน เพื่อประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ตามลำดับต่อไป