จากกรณี “เดลินิวส์”  ได้เสนอข่าวปัญหาการถือครองที่ดินของรัฐ และการประกอบธุรกิจวิลล่าหรูให้เช่าของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มาอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การตรวจสอบของ กอ.รมน.ภาค 4 และพบปัญหาความรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยมีการประเดิมกล่าวโทษเอาผิดการก่อสร้างวิลล่าหรู จำนวน 53 หลัง บนเขาเฉวงน้อย พื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.บ่อผุด ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปทส. แต่ก็ได้เกิดเหตุขณะเข้าตรวจสอบ นักข่าวที่ติดตามทำข่าว กลับถูกชายฉกรรจ์ข่มขู่ อ้างทำให้ธุรกิจเสียหายและทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 22 ก.ค. พล.ต.อนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาคที่ 4 รอง ผอ.รมน.ภาค 4 รองหัวหน้าคณะทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกถือครองที่ดิน การก่อสร้างที่พักบนพื้นที่สูงและการประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าวในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย  ว่า ขณะนี้การทำงานคืบหน้าไปมาก  ผลการปฏิบัติในหลายจุดได้ผ่านการตรวจสอบความถูกต้อง และเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ล่าสุด กอ.รมน.ภาค 4 ได้รับแจ้งผลการสืบสวนสอบสวน การออกโฉนดที่ดินบริเวณพื้นที่เขาหมาแหงน ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย  จำนวน 7 แปลง เนื้อที่รวม 42 ไร่เศษ

รวมถึงการตรวจสอบใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร  จากกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รายงานว่า การออกเอกสารสิทธิที่ดินจำนวน 7 แปลง ที่มีจุดเริ่มต้นจากการนำเอกสารสิทธิ ส.ค.1 ในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.บ่อผุด เนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 44 ตารางวาไปออกโฉนดที่ดินโดยวิธีเดินสำรวจ ตามโครงการเดินสำรวจเพื่อออกโฉนดที่ดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549  ได้เนื้อที่เกินจากหลักฐานเดิมเป็นจำนวนมาก และเป็นการออกโฉนดที่ดินบนภูเขาสูง โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2532) ว่าด้วยเงื่อนไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และหนังสือกรมที่ดิน ที่ มท 0607/ว 13688 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2517 เรื่อง การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินในกรณีแจ้ง ส.ค.1 ไว้จดที่ป่า

ล่าสุดที่ดินทั้ง 7 แปลง ถูกโอนกรรมสิทธิ์ผู้ถือครองไปยังบริษัทนิติบุคคล และมีการก่อสร้างเป็นอาคารวิลล่าหรู และเมื่อมีการตรวจสอบใบอนุญาตก่อสร้างในพื้นที่บริเวณดังกล่าว พบว่ามีใบอนุญาตอย่างน้อย 5 ใบ  อยู่ในพื้นที่ที่มีความลาดชันเกินกว่าร้อยละ 50 ขึ้นไป ซึ่งตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ห้ามไม่ให้มีการก่อสร้าง

พล.ต.อนุสรณ์  กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม  คณะทำงาน กอ.รมน.ภาค 4 จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานการตรวจสอบกรณีการเข้าตรวจสอบพื้นที่โครงการก่อสร้างอาคารวิลล่า จำนวน 53 หลัง ที่ได้มีการจำแนกออกเป็น 3 กลุ่ม “พื้นที่สีฟ้า” มีการก่อสร้างอาคาร 22 หลัง ไม่มีใบอนุญาต 6 หลัง, “กลุ่มพื้นที่สีเหลือง” ก่อสร้างอาคาร 20 หลัง ไม่มีใบอนุญาต 9 หลัง และ “กลุ่มพื้นที่สีแดง” จำนวน 11 หลังนั้นเป็นเขตพื้นที่ที่ห้ามมีการก่อสร้าง แต่การตรวจสอบพบว่ามีใบอนุญาตก่อสร้างอาคารถึง 2 หลัง  ซึ่งจากข้อมูลหลักฐานดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการด้วยความรอบคอบ เที่ยงธรรม

“ในฐานะรองหัวหน้าคณะทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 ยืนยันว่า ที่ผ่านมาเราทำงานบนพื้นฐานหลักการ 1. ยึดความถูกต้องเป็นจริง ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย  2.การรักษาประโยชน์ของรัฐ  รักษาผืนป่าแก่ประชาชน  3.การใช้กฎหมายด้วยความถูกต้อง  ตรงไปตรงมา  รับฟังข้อเท็จจริงทุกฝ่าย  โดยปราศจากการแสวงหาผลประโยชน์มิชอบ ทั้งนี้  การบูรณาการตรวจสอบค้นหาความจริงนี้ กอ.รมน.ภาค 4  จะร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม  ให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายต่อไป” พล.ต.อนุสรณ์ กล่าวทิ้งท้าย