เมื่อวันที่ 21 ก.ค. พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงค์วิบูลย์ ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.ไสว ครุธผาสุข ผบก.สส.ภ.6 พล.ต.ต.นิคม เครือนพรัตน์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก สั่งการให้ พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก สนธิกำลังสืบสวน 2 บก.สส.ภ.6 ชุดสืบสวนสภ.เมืองพิษณุโลก นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ ค.136/2567 ลงวันที่ 20 ก.ค. เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งใน ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ก่อนจับกุม นายวุฒิชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 391/2567 ลงวันที่ 16 ก.ค. ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และนายกฤษณ์ ในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษร้ายแรงประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง และเสพยาเสพติดให้โทษร้ายแรงประเภทที่ 1 พร้อมของกลางรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว ทะเบียน กท 5385 สระแก้ว ยาบ้า 5 เม็ด และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

สืบเนื่องจากตำรวจ สภ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ได้จับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติด และนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ต่อมามีบุคคลแอบอ้างเป็นรอง ผกก.สส.สภ.เมืองพิษณุโลก โทรศัพท์มาหาญาติผู้ต้องหาว่าสามารถช่วยเหลือทางคดีได้ ด้วยความหลงเชื่อจึงโอนเงินไป 100,000 บาท จากนั้นไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อรู้ว่าถูกหลอกได้เข้าแจ้งความ ต่อมาทาง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไล่ล่าคนร้ายกลุ่มนี้ เพราะเป็นภัยอันตรายต่อสังคม กระทั่งตามจับนายวุฒิชัย ทำหน้าที่เรื่องโอนเงิน ก่อนขยายผลจับกุมนายกฤษณ์ หัวหน้าแก๊งได้ที่บ้านดังกล่าว

สอบสวนนายกฤษณ์ ให้การรับสารภาพว่า จะหาข้อมูลจากข่าวต่างๆ ในช่องทางสื่อออนไลน์ที่มีการจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ และมีชื่อ ยศ ตำแหน่งของชุดจับกุม หลังจากนั้นจะเลือกคดีที่มีช่องทางสามารถติดต่อผู้เสียหายได้ แล้วจึงแกล้งโทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้เสียหาย โดยแอบอ้างว่าเป็นตำรวจหัวหน้าชุดจับกุมสามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นคดีที่ถูกดำเนินคดีที่โรงพักต่างๆ ได้ พร้อมบอกให้โอนเงินเพื่อเป็นการวิ่งเต้นเคลียร์คดี โดยให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่เตรียมไว้เป็นจำนวนเงิน ตั้งแต่ 20,000-300,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมาเคยถูกดำเนินคดีในลักษณะนี้มาแล้ว โดยเมื่อปี 2562 ถูกตำรวจ กก.ดส.บช.น.จับกุม และเมื่อปี 2554 ก็เคยถูกจับโดยอ้างตัวเป็น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร.

ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายกว่า 10 ราย ความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท โดยมีผู้เสียหายในพื้นที่ ภ.6 และ พื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีหมายจับกว่า 15 คดี โดยเป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและคดีฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ฉ้อโกงประชาชน เกือบทั้งสิ้น ในรูปแบบแผนประทุษกรรมดังกล่าว