ดูเหมือนตอนนี้ สถานการณ์ภายในรัฐบาลกำลังระส่ำระสาย จากหลายๆเหตุการณ์ ทั้งความไม่ลงรอยกันภายในพรรคเพื่อไทย ทั้งการทะยอยลาออกของสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ อย่างเช่น นายสกลธี ภัททิยกุล ที่ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และดูเหมือนประเด็นที่จะทำให้รัฐบาลแตกร้าวขึ้นเรื่อย คือการขัดแย้งกันในนโยบายที่แต่ละพรรคชูไว้ในช่วงหาเสียง แต่กลับยังหาข้อสรุปที่ลงตัวไม่ได้

ถือว่าเป็นเรื่องปกติ สำหรับความเห็นที่ไม่ลงลอยกันของภายในรัฐบาลที่มาจากหลากหลายพรรคการเมือง เนื่องจากแต่ละพรรคก็มีนโยบายชูธงของตัวเอง อย่างเช่น เรื่องการขับเคลื่อนกัญชาทางการแพทย์ ที่เป็นนโยบาย หลักของพรรคภูมิใจไทยในการหาเสียงเลือกตั้ง ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ในครั้งที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดำรงตำแหน่งเป็นรมว.สาธารณสุข ได้ทำการปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติด เพื่อหวังที่จะออกกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ออกมาควบคุมกรรมการใช้ แต่ปรากฏว่ามีการดึงเชง ในสภาผู้แทนราษฎร

ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขก็พยายามออกระเบียบหลักเกณฑ์หลายอย่างออกมา เพื่อควบคุมระหว่างรอกฎหมาย แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล มาอยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคเพื่อไทย ปรากฏว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ประกาศปักหมุดคืนกัญชาให้กลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติด ซึ่งถือว่าเป็นการหักหน้านายอนุทินอย่างเต็มข้อ

เล่นเอา นายอนุทิน ออกมาสวนทันควันว่า ตนได้ชี้แจงต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์แล้ว ว่าพรรคภูมิใจไทย มีความไม่สบายใจ ซึ่งตนไม่สามารถให้ความเห็นชอบ ให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดได้ เพราะยังมีอะไรที่ไม่สมบูรณ์อยู่ อย่างเช่นกรรมการที่เคยเอากัญชาออกจากยาเสพติด และกรรมการที่จะดึงกลับไปเป็นยาเสพติดก็เป็นชุดเดียวกัน ดังนั้นควรจะมีข้อมูลเพิ่มมากขึ้นในการตัดสินใจเรื่องสำคัญเช่นนี้ โดยยืนยันว่าประเด็นกัญชาไม่เกี่ยวกับพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องของคนทำงาน เราเห็นต่างกันได้ แต่เราจะขัดแย้งกันไม่ได้

ขณะเดียวกัน นายภูมิธรรม ก็บอกว่าตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหาอะไร ตนได้พูดคุยกับนายอนุทิน อยู่ตลอดในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ซึ่งนายอนุทินสามารถแสดงความเห็นได้ แต่เรื่องเหล่านี้เราพยายามใช้เหตุใช้ผลให้มากที่สุด ยังไม่ต้องพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิด ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไรเลย ไม่ต้องไปบอกว่าเราจะเอาอย่างนี้ เราอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน ร่วมมือกันรับผิดชอบ ร่วมกันในการแก้ปัญหา ฉะนั้น ทุกอย่างที่มีปัญหาหรือมีประเด็นเกิดขึ้นเราจะต้องพูดคุยกันอยู่แล้ว เพราะพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องอะไรของส่วนไหนมันไม่ได้เป็นประเด็นส่วนใดส่วนหนึ่งแล้ว มันเป็นเรื่องของรัฐบาลร่วมกัน ไม่ต้องเป็นห่วง

ถึงแม้ว่า ปากของทั้งคู่จะออกมาบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่กระทบกับความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล และการทำงานร่วมกันแต่ดูเหมือนท่าทีที่ออกมานั้น ทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ ก็ยืนอยู่กันคนละข้างอย่างชัดเจน เรื่องนี้ถือว่า เป็นการบ้านชิ้นใหญ่ของรัฐบาล ที่จะต้องพูดคุยกันให้ตกผลึกภายในพรรคร่วม และหาข้อสรุปให้ได้โดยเร็ว ไม่เช่นนั้น ความสัมพันธ์อันดี ที่รักษากันไว้มาอย่างยาวนาน อาจจะจบลงได้ในเร็ววัน