วันที่ 19 ก.ค. เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ได้ออกแถลงการณ์ เพื่อประกาศยุติการชุมนุม โดยระบุว่า จากการที่เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ได้ชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการกำหนดสถานะกัญชาว่าควรควบคุมด้วยกฎหมายใด ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค. ณ บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล จนกระทั่งวันนี้ 19 ก.ค. รวมเป็นเวลา 12 วัน และเครือข่ายได้ใช้วิธีการสันติอสิงหาด้วยการอดอาหารจำนวน 10 วัน เพื่อแสดงให้เห็นเจตจำนงว่าเรากระทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะใช้วิธีการสันติอสิงสาอดอาหารเพื่อแสดงเจตจำนงให้รัฐตั้งกรรมการเพื่อใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ศึกษาข้อเท็จจริงซึ่งเป็นกลไกที่สง่างามและเป็นสากล แต่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กลับเมินเฉยไม่สนใจแม้กระทั่งกระบวนการทางวิชาการ เหตุเพราะมีเป้าหมายอยู่แล้วในการผูกขาดกัญชา เห็นได้จากปรากฏการณ์หลายประการในช่วงเวลาที่ผ่านมาว่า สมศักดิ์ เทพสุทิน นั้นสมคบคิดกับกลุ่มทุนอย่างไร ขอให้ประชาชนทั้งประเทศจดใส่บัญชีดำว่า สมศักดิ์ เทพสุทิน คือคนพรากยากัญชาไปจากประชาชนซึ่งเป็นการกระทำที่เลวร้ายที่สุด

ประกอบกับคำสัมภาษณ์ของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะประธาน ป.ป.ส. ระบุว่า เขายังไม่เคยมาหารือ ซึ่งเขาส่งมาว่าจะประชุมวันที่ 23 ก.ค. ขณะที่ตนก็มีการติดประชุมและภารกิจยาวไปจนถึงเดือนสิงหาคมแล้ว และตนไม่ทราบเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขจะนำเรื่องกัญชากลับเป็นยาเสพติดเข้าสู่ที่ประชุม และถ้ามีเรื่องเข้ามาก็ให้ทาง ป.ป.ส. ชี้แจง เพราะคราวที่แล้วเขาให้เหตุผลให้เอากัญชาออกจากยาเสพติด ทีนี้จะเอาเหตุผลอธิบายอย่างไร พูดไปพูดมาคนเดียวกัน พูดคนละอย่างได้อย่างไร อีกทั้งคำให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่านายกรัฐมนตรีบอกว่าจะต้องมาคุยกันรับฟังเหตุผลระหว่างกัน

เมื่อผู้ที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด ทั้งนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะต้องใช้เหตุผลข้อมูลในการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด จึงสอดคล้องกับข้อเสนอและจุดยืนของเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย จึงมั่นใจได้ว่ากัญชาจะไม่ถูกนำไปสู่ยาเสพติด ในขณะนี้ตามความต้องการของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และเพื่อให้เกิดการใช้ข้อมูลในกระบวนการกำหนดสถานะกัญชาจึงต้องมีองค์คณะสำหรับการวิจัยหาข้อมูลดังกล่าว แต่เมื่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ปฏิเสธการตั้งกรรมการตามที่เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยเสนอ

เราจึงหารือกับหลายฝ่ายเพื่อตั้งกรรมการประชาชนขึ้นมาคณะหนึ่ง เพื่อจัดทำข้อมูลนำเสนอต่อสาธารณะ รวมทั้งต่อผู้ที่มีบทบาทในการกำหนดสถานะกัญชาคือนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับคณะกรรมการปราบปราบยาเสพติด ซึ่งเป็นกรรมการที่จะต้องมีมติในการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดหรือไม่ โดยคณะกรรมการประชาชนจะประกอบด้วยภาควิชาการ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนภาควิชากัญชา แพทย์ผู้ทำงานด้านกัญชา นักปลูก ผู้ประกอบการ รวมทั้งจะเชิญผู้ที่มีความเห็นต่างทั้งชมรมแพทย์ชนบท หรือกลุ่มเยาวชนที่ต้องการให้นำกัญชากลับสู่ยาเสพติดมาร่วมในกรรมการ โดยจะเร่งให้มีกรรมการชุดนี้ เกิดขึ้นภายใน 7 วันนับจากวันนี้ และเร่งให้เกิดการศึกษาข้อเท็จจริงด้านต่างๆ ให้เสร็จสิ้นภายในสองเดือน เพื่อให้ทุกฝ่ายรับรู้และใช้ข้อมูลกำหนดสถานะกัญชา เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยตั้งใจจะจัดทำการสื่อสารข้อมูลเหล่านี้เพื่อให้สาธารณะรับทราบเป็นระยะ เพราะเราเชื่อว่าการรับรู้ข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในกระบวนการกำหนดสถานะกัญชาว่าควรควบคุมโดยกฎหมายรูปแบบใด

ด้วยการกำหนดแนวทางดังกล่าว เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยจึงขอประกาศยุติการชุมนุมเพื่อดำเนินการในขั้นถัดไป และเราตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะทำให้กัญชาควบคุมโดยกฎหมายพระราชบัญญัติ และขอยืนยันกับพี่น้องที่ร่วมชุมนุมทั้งที่สะพานชมัยมรุเชฐและพี่น้องที่เป็นกำลังในพื้นที่ว่าเราจะเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง ในการทำให้กัญชากลับมาควบคุมโดยกฎหมายพระราชบัญญัติเพื่อกำหนดสิทธิอย่างเสมอภาคแก่ประชาชนทุกคนภายใต้มาตรการควบคุมที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

ท้ายสุด ขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่านที่ได้กรุณานำเสนอข้อมูลของเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยในหลากหลายด้าน เพื่อทำให้สาธารณะมีความเข้าใจเรื่องกัญชามากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าเมื่อประชาชนมีข้อเท็จจริงใหม่ จะเป็นพลังในการกำหนดตำแหน่งแห่งที่ของกัญชาอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ ขอให้คำมั่นต่อทุกท่านว่า กัญชาจะไม่มีทางกลับไปเป็นยาเสพติดอีก