เมื่อวันที่ 19 ก.ค.67 ที่ห้องประชุม 1 คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจง กรณีดราม่า ชุดพิธีการของประเทศไทย ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

พล.อ.วิชญ์ กล่าวชี้แจงว่า จากการที่มีประเด็นเกี่ยวเนื่องกับภาพนักกีฬาสวมชุดไทยพระราชทาน ผมพบว่าได้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง จึงขอนุญาตชี้แจง ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ดังกล่าว ในฐานะตัวแทน คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ต้องขอขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น และน้อมรับฟังทุกความคิดเห็น เพราะประชาชนทุกคนมีสิทธิที่
จะออกความเห็นร่วมกันอย่างเท่าเทียม ภายใต้ความสุภาพและเคารพกันในฐานะคนไทยด้วยกันต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ สำหรับความเข้าใจผิด และข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากทีมงานส่วนไหน เนื่องด้วยที่ผ่านมาทางโอลิมปิค มิได้ชี้แจงให้ชัดเจนว่า ชุดไหนใช้สำหรับงานช่วงใดในโอลิมปิกครั้งนี้

เนื่องจากทางคณะกรรมการโอลิมปิค และทีมงาน มีความตั้งใจในการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ร่วมขับเคลื่อน Soft Power ของประเทศไทย ผ่านวัฒนธรรมผ้าและสิ่งทอไทย จึงมอบหมายให้ทีมออกแบบของแต่ละแบรนด์ทำมาเสนอ ซึ่งก็จะมีในส่วนของชุดกีฬา ชุดไทยพระราชทาน รองเท้า กระเป๋า ต่างๆ ซึ่งทางคณะกรรมการโอลิมปิค เป็นผู้คัดเลือกผู้ออกแบบตัดเย็บเอง ภายใต้ชื่อแบรนด์ “ทรงสมัย” ทางคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ดำเนินการคัดเลือกผ้าเอง ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานใด การออกแบบตัดเย็บ เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ทั้งหมดไม่มีหน่วยงานใดๆ เกี่ยวข้องทั้งสิ้น จากเหตุการณ์ทั้งหมด ทางคณะกรรมการโอลิมปิค ขอรับผิดชอบไว้แต่เพียงผู้เดียว

ในส่วนของชุดไทยพระราชทานสีฟ้าที่ปรากฏนั้น ทางคณะกรรมการ ได้กำหนดให้นักกีฬาใช้สวมใส่ในวาระโอกาสงานพิธีที่เป็นทางการ ส่วนชุดที่จะใช้ไปพิธีเปิด จะเสื้อแจ๊กเกตสีน้ำเงินจากแกรนด์สปอร์ต ในการประชุมผมและคณะกรรมการ ได้ย้ำคอนเซปต์กับทางทีมผู้ออกแบบและตัดเย็บ ว่าขอให้เป็นผ้าที่สวมใส่สบาย ไม่อึดอัด เข้ากับสภาพอากาศ แต่ต้องแฝงด้วยเรื่องราวและอัตลักษณ์ความเป็นไทย มีความทันสมัยและเป็นสากล ซึ่งมองว่าทางแกรนด์สปอร์ต ทำออกมาได้ดี

ในตอนแรก ผมยังคิดออยากนำเสื้อลายช้างที่เป็นที่รู้จักและนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวๆ ไทยและต่างชาติ ให้ทัพนักกีฬาสวมใส่ขึ้นเรือ เพราะเห็นว่าเนื้อผ้าใส่สบาย มีความพลิ้วไหวดี แต่ก็กังวลจะเกิดประเด็นว่าไม่เหมาะสมดูสบายๆ ไป จึงได้คิดใหม่ ทำใหม่อย่างระมัดระวังมาโดยตลอด

สุดท้ายนี้ ผมขอให้ทุกท่านร่วมมือกันแสดงพลังความรัก ความสามัคคี ที่มีในคนไทยทุกภาคส่วน ร่วมมือกันรักษา สืบสาน ขับเคลื่อนศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ต่อยอดสิ่งดีๆ ประสบการณ์ดีๆ ของคนรุ่นก่อนๆ ประเทศไทยประกอบไปด้วยประชาชนที่มีความรู้ความสามารถทุกเพศทุกวัย และทรัพยากรพร้อมในทุกอุตสาหกรรมอยู่แล้ว เพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกำลังความคิดสร้างสรรค์จากคนรุ่นใหม่ ก็จะสามารถช่วยกันผลักดันนำพา Soft Power อันดีงาม คงความเป็นอัตลักษณ์ไทย มีความเป็นสากล ทันสมัย ให้ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกได้