วันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ นางพิชานันท์ เผือกผ่อง อดีตนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ภริยานายอภินันท์ เผือกผ่อง อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และ สว.ชุดปัจจุบัน ได้รับก่อสร้างบ้านให้น้องน้ำขิงและพ่อตามโครงการ “บ้านปันสุข” ซึ่งเป็นโครงการที่นายอภินันท์ นางพิชานันท์ ดำเนินการมาตั้งแต่นายอภินันท์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และก่อสร้างบ้านให้กับประชาชนผู้ยากไร ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันแล้ว 61 หลัง โดยบ้านน้องน้ำขิง จะเป็นบ้านหลังที่ 62 ของโครงการบ้านปันสุขดังกล่าว ต่อมานายไพฑูรย์ อินทสิลา ผู้สื่อข่าวอาวุโสจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยคณะของนางพิชานันท์ ได้เดินทางลงพื้นที่หมู่ 4 ตำบลเกาะเพชร อำเภอหัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เพื่อดูจุดก่อสร้างบ้าน 

โดยมีนายพีรวัฒน์ หนูนะ ปลัดอำเภอหัวไทร นายปฏิศักดิ์ ขุนทองจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลเกาะเพชร อำเภอหัวไทร นายจักราวุธ ช่วยจันทร์ เลขานุการนายกเทศมนตรีตำบลเกาะเพชร นางสาวกมลทิพย์ นาคบัวแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนวัดเกาะเพชร ซึ่งเป็นโรงเรียนที่น้องน้ำขิงเรียนอยู่ พร้อมญาติๆ และเพื่อนบ้าน หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาร่วมต้อนรับและร่วมปรึกษาหารือถึงข้อสรุปในการก่อสร้างบ้าน ซึ่งหลังจากที่นางพิชานันท์ เข้าไปตรวจสอบภายในเพิงพัก พบว่าในเพิงพักมีพื้นที่อยู่อาศัยกว้างประมาณ 3×3 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่นอนพักของสองพ่อลูก และต้องทำกิจกรรมทุกอย่างภายในพื้นที่ดังกล่าว ส่วนบนหลังคามุงจาก แต่เนื่องจากเพิงพักดังกล่าว ก่อสร้างและอยู่อาศัยมานานถึง 4 ปี ทำให้จากมุงหลังคาชำรุดเมื่อฝนตกน้ำจะรั่ว 

นายมิตรชัย พ่อของน้องน้ำขิง จึงได้ไปหาแผ่น PE รองนากุ้งเก่าๆ มาคลุมบ้านไว้ทั้งหลังเพื่อป้องกันฝนรั่ว อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ก่อสร้างบ้านประมาณ 1 ไร่เศษ เป็นที่ดินของบรรพบุรุษ มีญาติพี่น้องมีส่วนเป็นเจ้าของหลายคน ซึ่งทุกคนต่างอนุญาตให้นายมิตรชัยและน้องน้ำขิงได้ปลูกบ้านอยู่อาศัยทำกินได้ตลอดไป และมีเพื่อนบ้านที่ประกอบอาชีพรับเหมาถมดิน ขุดยกร่องในพื้นที่ ได้ทราบข่าวและเห็นว่านายมิตรชัย เป็นคนดี มีจิตอาสาชอบช่วยเหลือผู้อื่น จึงนำรถไถ รถเกรด รถแบ๊กโฮ เข้ามา ช่วยปรับไถพื้นที่พร้อมขุดสระน้ำขนาดกว้าง 20 เมตร ยาว 30 เมตรให้ฟรี ๆ เพื่อเป็นแหล่งน้ำในการเพาะปลูกพืชผักในพื้นที่ดังกล่าว ส่วนทางเทศบาลตำบลเกาะเพชร ได้มีการอนุมัติงบประมาณในการตัดถนนผ่านพื้นที่ที่จะมีการสร้างบ้านให้น้องน้ำขิง ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง และยืนยันว่าจะมีการเร่งขยายเขตวางท่อน้ำประปา และเสาไฟฟ้า ผ่านในจุดดังกล่าว เพื่อให้นายมิตรชัยชัยและน้องน้ำขิง รวมทั้งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ 2 ฝั่งถนน ได้ใช้ในการดำรงชีวิตเหมือนชาวบ้านคนอื่น ๆ ต่อไป

พ่อน้องน้ำขิง กล่าวว่า หลังจากตนเลิกราแยกทางกับแม่น้องน้ำขิง ในช่วงแรกน้องน้ำขิง อาศัยอยู่กับแม่ แต่ต่อมา ได้มาอาศัยอยู่กับตน ต่อเนื่องมา 4 ปีแล้ว โดยตนประสบอุบัติเหตุ ทำให้แขนขาด้านซ้ายดามเหล็กเอาไว้ ไม่สามารถทำงานหนักไม่ได้ จึงยึดอาชีพทอดแหหาปลาหมอคางดำขาย มีรายได้วันละ 200-300 บาท จะหยุดหาปลาทุกวันพระ 8 ค่ำ 15 ค่ำ มีรายได้รวมเฉลี่ยเดือนละ 4,000-6,000 บาท ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดอดออม และไม่สามารถเก็บออมเพื่อสร้างบ้านได้ ทุกวันนี้จึงยังต้องอาศัยในเพิงพัก และใช้ถุงหรือพลาสติก PE ลงบ่อกุ้งที่เขาทิ้งแล้วมาคลุมทับหลังคาบ้านเกือบทั้งหลัง หรือที่เรียกว่า “บ้านคลุมถุง” เพื่อป้องกันแดดป้องกันฝน เมื่อมีผู้ใจบุญยื่นมือเข้ามาช่วยสร้างบ้านให้ตนตนดีใจมากที่สุด และขอขอบพระคุณผู้ใจบุญทุกคนทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือตนในครั้งนี้ สำหรับตนเป็นห่วงแต่อนาคตของน้องน้ำขิงบุตรสาวเท่านั้น จะทำทุกวิถีทางเพื่อส่งเสียให้น้องน้ำขิงได้เรียนสูง ๆ อนาคตจะไม่ยากลำบากเหมือนตน  

ในขณะที่น้องน้ำขิง กล่าวว่า หนูก็พระคุณทุกคนที่ใจดีช่วยสร้างบ้านให้หนูและคุณพ่อ หนูสัญญาจะตั้งใจเรียนหนังสือและเป็นคนดีในสังคมตลอดไป หนูรักพ่อหนูมากที่สุด แม้หนูจะตั้งใจเรียนจนได้ที่ 1 ของห้อง แต่ต่อไปนี้หนูจะขยันเรียนให้มากขึ้น เพราะต่อไปบ้านหนูจะมีแสงไฟฟ้าให้หนูได้อ่านหนังสือ ทำการบ้านหนูจะต้องมีอาชีพที่ดี มีรายได้เพียงพอเพื่อดูแลเลี้ยงพ่อในช่วงที่พ่อมีอายุมากขึ้น แม้ได้บ้านใหม่ที่มั่นคงแข็งแรง แต่หนูก็ยังอยากออกไปช่วยพ่อทอดแหหาปลาในช่วงตี 3 ตี 4 จนถึงเช้า อย่างน้อยหนูได้ช่วยพ่อบ้าง ช่วยปลดปลาที่ติดแห ถือกระสอบใส่ปลา ก่อนพ่อจะจะกลับมาอาบน้ำและพ่อขี่รถ จยย. ไปส่งที่โรงเรียนในตอนเช้า

นางพิชานันท์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้โครงการบ้านปันสุข ซึ่งเป็นหลังที่ 62 และได้รายงานให้กับนายอภินันท์ เผือกผ่อง สว. นครศรีธรรมราช ทราบแล้ว เพื่อจะได้ขอรับบริจาคจากพรรคพวกเพื่อนฝูงผู้ใจบุญ โดยเฉพาะในสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในการระดมทุนสร้างบ้านให้กับน้องน้ำขิง โดยเร็ว โดยส่วนตัวไม่ได้เป็นห่วงนายมิตรชัย แต่เป็นห่วงน้องน้ำขิงที่โตขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับการก่อสร้างบ้านให้น้องน้ำขิง คาดว่า จะใช้งบประมาณไม่เกิน 100,000 บาท ในการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ส่วนแรงงานก่อสร้างจะขอแรงงานจิตอาสาของหมู่บ้าน หรือหน่วยงานอื่น ๆ มาระดมช่วยกันก่อสร้างโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ส่วนการดูแลเรื่องราวของเงินบริจาคในรูปแบบคณะกรรมการ ในขณะนี้เปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาหัวไทร 3 คน ประกอบด้วย นายจักรวุฒิ ช่วยจันทร์ เลขานุการนายกเทศมนตรีตำบลเกาะเพชร นายพีระวัฒน์ หนูนะปลัดอำเภอหัวไทร และนายปติศักดิ์ ขุนทองจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลเกาะเพชรอำเภอหัวไทร ได้ร่วมเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย เลขบัญชี 663-844-981-8 เพื่อขอรับบริจาคเงินในการสร้างบ้านให้กับน้องน้ำขิง จึงขอวิงวอนและเชิญชวนผู้ใจบุญทั้งหลาย บริจาคเงินช่วยก่อสร้างบ้านให้น้องน้ำขิงได้ตามบัญชีดังกล่าว.