กรณีพบศพผู้เสียชีวิต 6 ศพ ในโรงแรมหรูกลางกรุงเทพฯ ตรวจสอบพบว่าทั้งหมดถูกวางยาพิษ ไซยาไนด์ สาเหตุเบื้องต้นคาดเกี่ยวกับหนี้สินกว่า 10 ล้านบาท โดยมีการสอบปากคำไกด์ให้การว่าได้มีหญิงสาวลูกทัวร์รายหนึ่งใช้ให้ไปซื้อยา อ้างว่าเป็นยางู มาในราคากว่า 1 หมื่นบาท กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์สลดดังกล่าว เหตุเกิดพื้นที่สน.ลุมพีนี คืนวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

จี้สอบหนุ่มญี่ปุ่นสามี 1 ใน 6 ศพ เหยื่อ ‘ไซยาไนด์’ สุดงงปฏิเสธทุกเรื่อง

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ได้จำแนกกลุ่มผู้ตายออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือผู้ก่อเหตุ และกลุ่มที่สองคือผู้เสียหาย ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าผู้ล่วงรู้แผนการในการวางยาทั้งหมดมีด้วยกัน 2 คน โดยคาดว่าคือ น.ส.ถิ เหวียนเฟือง หล่าน และน.ส. เชรีน ชอง เนื่องจากพบความเชื่อมโยงระหว่างบุคคลทั้งสองว่า น.ส.ถิ เหวียนเฟือง หล่าน  ทำหน้าที่เป็นนายหน้าในการหาคนมาลงทุน ซึ่งก็คือ น.ส.ดิ เหวียน เฟือง ,นายดิน เจิ่น ฟู , นายฮึง ดัง วัน อายุ 55 ปี , และนายฮอง ฟ่าม ถั่น  โดยออกอุบายจัดฉากว่าน.ส. เชรีน ชอง  เป็นนายทุนที่ต้องการระดมทุมเพื่อสร้างโรงพยาบาลในประเทศญี่ปุ่นหากมาร่วมลงทุนจะให้ผลตอบสูง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไปกลุ่มผู้เสียหายได้ทวงถามความคืบหน้าแต่ไร้คำตอบที่แน่ชัดมีการบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ทั้งหมดจึงนัดรวมตัวพูดคุยเรื่องเคลียร์หนี้สินจากธุรกิจดังกล่าว โดยมีแพลนว่าจะไปเจรจาที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับไปดูที่สถานที่จริงในการทำธุรกิน แต่เนื่องจากติดปัญหาขอวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ ทำให้ต้องเปลี่ยนมาเคลียร์กันที่ประเทศไทย  กระทั่งมาเกิดเหตุสลดขึ้น

มีรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุสลดดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลาง สหรัฐอเมริกา หรือ เอฟบีไอ (FBI) ได้ลงมาตรวจสอบที่เกิดเหตุในโรงแรมดังกล่าว เนื่องจากมีผู้เสียชีวิต 2 ใน 6 รายที่มีสัญชาติอเมริกัน พร้อมประสานข้อมูลทางข้างกับทางการไทย ทำให้ชุดคลี่คลายคดีพบประเด็นสำคัญ ซึ่งเป็นปูมหลังของน.ส. เชรีน ชอง อายุ 56 ปี 1 ในผู้ตายที่คาดว่าเป็นผู้ลงมือสังหารโหดในครั้งนี้ ว่าเคยมีประวัติก่อเหตุในลักษณะฉ้อโกงมาก่อนหน้านี้ โดยพฤติกรรมคือราวปี 2553 ที่เมืองซานฟรานซิสโก น.ส.เชรีน ชอง ได้ออกอุบายชักชวนชาวเวียดนามที่มีความประสงค์จะขอสัญชาติอเมริกัน ว่าสามารถดำเนินการขอสัญชาติให้ได้โดยคิดค่าบริการเป็นค่าใช้จ่ายครั้งละ 5,000 USD หรือประมาณ 179,850ต่อคน ซึ่งมีชาวเวียดนามหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากตัวของน.ส. เชรีน ชอง  เป็นชาวเวียดนาม ที่ได้รับสัญชาติอเมริกัน 

จากนั้นน.ส. เชรีน ชอง จะไปติดต่อกับจิตแพทย์เพื่อให้ออกหนังสือรับรองว่า บุคคลที่กำลังจะยื่นขอวีซ่ามีอาการเจ็บป่วยทางจิตเวช ต่อมาภายหลังอัยการมีคำสั่งให้ยุติการสอบสวนคดีดังกล่าว จึงมิได้มีการฟ้องร้องกันต่อศาลทำให้ไม่มีประวัติในการก่อคดี.