เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. … วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอเพื่อใช้ในโครงการเติมเงินหมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 

​นายธนา กิจไพบูลย์ชัย  สส.ศรีสะเกษ  พรรคภูมิใจไทย กล่าวอภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ และชื่นชมความกล้าหาญของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้เป็นอย่างยิ่งที่กําลังจะผลักดันไทยไปสู่ยุคสังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ และเห็นด้วยว่าการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดี เป็นหลักการที่สากลทั่วโลกใช้กัน แต่วันนี้สิ่งที่อยากจะเสนอแนะเป็นข้อสังเกตให้ทางรัฐบาลได้รับฟังเพื่อปรับใช้ให้การจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตในครั้งนี้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลได้วางไว้ เพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบให้มากขึ้นตรงตามเป้าหมาย เพิ่มศักยภาพให้ประชาชนมีกําลังซื้อที่มากขึ้น และเพิ่มรายได้ให้แก่ร้านค้าขนาดเล็ก และร้านค้าตามชุมชน

นายธนา กล่าวต่อว่า ในวันนี้จึงขอเสนอแนะถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ 5 เรื่อง คือ 1.การรับสิทธิและการเข้าถึงสิทธิของประชาชน สําหรับประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน ผู้พิการ ผู้สูงอายุ จะลงทะเบียนและใช้เงินดิจิทัลได้อย่างไร รัฐบาลควรมีแนวทางช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางเหล่านี้ เพื่อไม่ให้เสียสิทธิในการลงทะเบียนในครั้งนี้  2.ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ รัฐบาลควรลดความยุ่งยากในการลงทะเบียนสำหรับร้านค้าขนาดเล็ก ร้านค้าแผงลอย ที่ไม่มีเงินทุนสํารอง ไม่ได้ยื่นจดภาษี ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมได้ และควรมีมาตรการจูงใจร้านค้า เช่น การลดหย่อนภาษี 3-5 ปี  3.การกําหนดพื้นที่ในการใช้เงินดิจิทัล ไม่ควรจำกัดพื้นที่ ควรให้ใช้ได้ทั่วประเทศ ประชาชนในต่างจังหวัดควรใช้เงินดิจิทัลในพื้นที่ที่เขาทำงานได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเดินทางกลับมาใช้ในภูมิลําเนา

นายธนา กล่าวว่า 4. เรื่องแอปพลิเคชัน อยากให้รัฐบาลอาศัยโอกาสนี้ทําให้ประเทศไทยของเรามีแอปพลิเคชันทางการเหลือเพียงแอปเดียว เพราะประเทศไทยเรามีแอปพลิเคชันทางการของรัฐบาลที่เยอะจนเกินไป ทําให้ประชาชนโดนหลอกง่าย และโดนหลอกบ่อย ควรใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง เพราะประชาชนคุ้นเคย สะดวก ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่ ประหยัดงบประมาณรัฐ  และ 5. การให้ข้อมูลข่าวสาร รัฐบาลควรให้ข้อมูลที่ชัดเจน รวดเร็ว ถูกต้อง ควรมีช่องทางการให้ข้อมูลที่เป็นทางการเพียงช่องทางเดียว ป้องกันประชาชนถูกหลอกลวงจากลิงก์ปลอม โดนดูดเงินสูญเสียมูลค่ามากกว่าที่ประชาชนจะได้รับ

“สุดท้ายนี้อยากให้เงินก้อนนี้เป็นเงินที่กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างแท้จริง และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานราก และร้านค้าขนาดเล็ก พ่อค้าตามตลาดนัด ร้านค้าในชุมชนได้รับประโยชน์ โดยที่ไม่มีผู้รับเงินรายใดหรือร้านค้ารายใดเสียสิทธิที่เขาควรจะได้รับ ทุกคนที่มีสิทธิเข้าถึงสิทธิกันทุกคน สําหรับผู้ขายก็ควรจะเป็นร้านค้าขนาดเล็กจริงๆ ผมอยากเน้นย้ำว่ารัฐบาลควรจะอาศัยจังหวะและโอกาสนี้พัฒนาแอปพลิเคชันทางการของรัฐบาลให้เหลือเพียงแค่แอปพลิเคชันเดียวและมีการทํา SMS Alert ในแอปพลิเคชันนี้เลย ผมอยากให้โครงการนี้เกิดขึ้นเร็วๆ วันนี้ แต่เราควรจะมีความระมัดระวังและมีการเตรียมการที่ดีก่อนใช้งานจริง” นายธนา กล่าว.