จากกรณี “เดลินิวส์” ได้เสนอข่าวปัญหาการถือครองที่ดินของรัฐ และการประกอบธุรกิจวิลล่าหรูให้เช่าของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มาอย่างต่อเนื่อง โดยภายหลัง กอ.รมน.ภาค 4 โดย พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 ได้สั่งการให้ พ.อ.ดุสิต เกสรแก้ว หัวหน้าชุดแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 เข้าดำเนินการ ด้วยการบูรณาการหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตรวจสอบ และพบว่าในหลายพื้นที่ มีการกระทำผิดในหลาย พ.ร.บ. คือ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม, พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร, พ.ร.บ.โรงแรม และ พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าว ในพื้นที่ปัญหารุนแรง 6 จุด ประกอบด้วยจุดที่ 1 เขาเฉวงน้อย หรือเขาหมาแหงน ต.บ่อผุด จุดที่ 2 เขาละไม ต.มะเร็ต จุดที่ 3 เขาท้ายควาย ต.ลิปะน้อย จุดที่ 4 เขาแหลมใหญ่ ต.แม่น้ำ จุดที่ 5 เขาเตย ต.แม่น้ำ และจุดที่ 6 เขาพระ ต.บ่อผุด โดยล่าสุดคณะทำงานฯ กอ.รมน.ภาค 4 ได้กล่าวโทษเอาผิดการก่อสร้างวิลล่าหรูจำนวน 53 หลัง บนเขาเฉวงน้อย พื้นที่ หมู่ 3 ต.บ่อผุด ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปทส. ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ลุยดำเนินคดีบริษัททุนจีนสร้างวิลล่าหรูเกาะสมุย หลังก่อสร้างต่อเนื่อง

ความคืบหน้าวันที่ 17 ก.ค. คณะทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกถือครองที่ก่อสร้างอาคารบนที่ลาดชันสูง และ การประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติ บนเกาะสมุย ของ กอ.รมน.ภาค 4 นำโดย พ.อ.ดุสิต เกสรแก้ว ได้เข้าตรวจสอบเพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ในพื้นที่ก่อสร้างวิลล่าหรู บนเขาเฉวงน้อย พื้นที่หมู่ 3 ต.บ่อผุด ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการก่อสร้างของนิติบุคคลแห่งเดียวกับโครงการก่อสร้างวิลล่า 53 หลัง ที่ได้มีการกล่าวโทษต่อกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ไปบางส่วนแล้ว และคดีอยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ปทส.

รายงานว่าขณะที่คณะทำงานได้เดินทางไปถึง และพบผู้ดูแลสถานที่ เป็นผู้นำตรวจสอบ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสื่อมวลชนเข้าไปภายในบริเวณพื้นที่อย่างเด็ดขาด ซึ่งมีการเข้าตรวจสอบพื้นที่ในครั้งนี้ ได้มีผู้สื่อข่าวเดินทางไปร่วมทำข่าว เพื่อรายงานความคืบหน้าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตามปกติ โดยเมื่อผู้ดูแลสถานที่ไม่อนุญาต ผู้สื่อข่าวก็ได้ปฏิบัติตาม แต่ระหว่างนั้นปรากฏว่าได้มีบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าของสถานที่ พร้อมพวกรวม 7 คน ได้เข้ามาต่อว่า และสอบถามถึงสังกัด ชื่อสกุลของผู้สื่อข่าว และพูดจาในลักษณะเชิงข่มขู่ว่าได้มีการเก็บภาพและประวัติของผู้สื่อข่าวไว้แล้ว และพร้อมจะให้ลูกน้องจัดการได้ทันทีเมื่อเจอ เนื่องจากทำให้ธุรกิจเกิดความเสียหาย และการเสนอข่าวของสื่อมวลชนทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่เสียหายต่อการท่องเที่ยวของเกาะสมุย แต่ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย พ.อ.สนิท มีแสง ที่ปรึกษา ผอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยได้เข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย และขอให้บุคคลดังกล่าวหยุดการกระทำ ต่อมา พ.อ.ดุสิต เกสรแก้ว หัวหน้าคณะทำงานฯ ได้นำตัวผู้สื่อข่าวเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุ พร้อมส่งหลักฐานภาพบันทึกวิดีโอขณะเกิดเหตุ ที่ สภ.บ่อผุด ต่อไป