จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Sadit Kruangjumpa” โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีไปรษณีย์ไม่ส่งจดหมายจากทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง จนไม่ได้ไปรายงานตัวตามกำหนด หลังจากที่ตัวเองสอบบรรจุรับราชการครูได้ ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

‘ว่าที่ครูหนุ่ม’ แจ้งความขนส่งดัง ไม่มาส่งเอกสารจนรายงานตัวไม่ทัน หวั่นถูกตัดสิทธิ!

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยัง นายศดิศ เครื่องจำปา อายุ 26 ปี ชาว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งยังคงเอกสารหลักฐานต่างๆ ให้กับสื่อมวลชนเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

นายศดิศ กล่าวว่า หลักฐานสำคัญคือภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ที่บริเวณหน้าบ้านพัก ในวันที่ 6 ก.ค. 67 ซึ่งไม่มีใครมาที่หน้าบ้านหรือมีพนักงานขนส่งพัสดุมาส่งอะไรที่หน้าบ้าน ช่วงเวลา 14.45-15.45 น. ตามที่ทางไปรษณีย์กล่าวอ้างว่ามีการนำจ่ายในช่วงเวลานั้น ซึ่งครอบครัวได้ตรวจสอบข้อมูลการส่งพัสดุในระบบออนไลน์ โดยขอเลขพัสดุจากทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ ซึ่งระบุว่า เอกสารถึงที่ทำการไปรษณีย์บ้านฝาง ในเวลา 06.36 น. นำจ่ายสำเร็จในเวลา 14.45 น. ซึ่งขัดแย้งกับภาพวงจรปิดที่บันทึกบริเวณหน้าบ้านเอาไว้ได้ และยังระบุอีกว่าตนเองเป็นคนรับเอง แต่ไม่มีการเซ็นรับพัสดุแต่อย่างใด

และยังมีหนังสือที่ทางไปรษณีย์บ้านฝางออกหนังสือถึงผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง ระบุว่า

“ด้วยได้รับแจ้งจากนายศดิศ เครื่องจำปา ว่ามีหนังสือเรียกตัวบรรจุให้เข้ารายงานตัว จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ด้านจ่ายได้นำจ่ายได้ออกนำจ่ายในวันที่จดหมายเจ้าตัวไม่อยู่บ้านบ้านปิด นำจ่ายไม่ได้ จึงได้นำจดหมายฉบับดังกล่าวกลับมาเก็บไว้ที่ ปณ.รอนำจ่ายใหม่หรือให้เจ้าตัวมารับที่

ปณ.บ้านฝาง จากนั้นเจ้าตัวได้มารับจดหมาย ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 น. ดังนั้น ปณ.บ้านฝาง ขอรับรองว่า นายศดิศ เครื่องจำปา ได้มารับจดหมายฉบับดังกล่าว ล่าช้าเลยกำหนดเข้ารายงานตัว เป็นความจริงทุกประการ”

และยังมีหนังสือฉบับที่ 2 ที่ทางไปรษณีย์บ้านฝางส่งถึงผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง ระบุว่า “ด้วยได้รับแจ้งจากนายศดิศ เครื่องจำปา ว่ามีหนังสือเรียกตัวบรรจุ ให้เข้ารายงานตัวจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง

ปณ.บ้านฝาง ได้ตรวจสอบข้อมูลรายละเอียด พบว่าเกิดจากความบกพร่องของ เจ้าหน้าที่ด้านจ่ายด้าน ชื่อ…….ตำแหน่งลูกจ้างเหมา ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีการนำจ่ายอีเอ็มเอส ให้ถูกต้อง บันทึกข้อมูลผลผิดพลาด ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อมูลไม่ดีต่อผู้รับ เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ยังใหม่ทำงานอาจจะไม่รอบคอบ

ดังนั้น ปณ.บ้านฝาง จึงกราบขออภัยมายังผู้ร้องเรียนว่า จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีก และขอรับรองว่า นายศดิศ เครื่องจำปา ผู้ร้องได้รับจดหมายฉบับดังกล่าว ล่าช้าเกินกำหนดเข้ารายตัว เป็นความจริง ทุกประการ”

นายศดิศ กล่าวต่ออีกว่า ตนเองอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงไม่ทราบเรื่องว่ามีการรายงานตัว โดยได้ติดตามเพจ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนองไว้ ซึ่งในเพจไม่ได้อัปเดตเรื่องรายละเอียดของการไปรายงานตัวบรรจุครู แต่จะมีการอัปเดตเฉพาะข่าวสาร แต่ได้บังเอิญไปเห็นโพสต์ที่มีการเรียกรายงานตัวไปแล้ว เป็นภาพที่นั่งอยู่ในห้องรายงานตัว ตนก็เลยเข้าไปดูคนที่กดแชร์โพสต์นี้แล้วก็ทักไปหาคุณครูที่ได้มีการรายงานตัววันนั้น ว่ามีการรายงานตัวด้วยหรือ แล้วมีชื่อของตนไหม เพราะว่าในวันนั้น ก็ได้มีเบอร์จากสำนักงานเขตโทรฯ มาที่เบอร์ของตนหลายสาย แต่ตนในขณะนั้นทำการสอนอยู่ จึงไม่ได้รับสาย ซึ่งคนที่ตนได้ทักไปถามก็ตอบว่ามีชื่อตนอยู่ และได้มีเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตได้โทรฯ ไปในวันรายงานตัว จึงรู้ว่าเหตุการณ์ตรงกัน แต่เอกสารการเรียกรายงานตัวหายไปไหน ทำไมไม่มีส่งมาที่บ้าน จึงให้แม่ไปเช็กที่ไปรษณีย์ว่าเอกสารของตนตกค้างที่ไปรษณีย์หรือเปล่า

“ในตอนแรกพนักงานขนส่งอ้างว่าได้มาส่งแล้ว แต่มาแล้วไม่มีคนอยู่บ้านจึงได้ตีกลับจดหมายไปที่ไปรษณีย์ จึงมีการออกหนังสือฉบับที่ 1 ให้ เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้มีการส่งจดหมายมาที่บ้านแล้ว แต่เจ้าตัวไม่อยู่บ้าน ทำให้มารับเอกสารล่าช้า เป็นความจริง ตนก็นำไปยื่นที่สำนักงานเขต แต่ทางไปรษณีย์ไม่ทราบว่าที่บ้านมีกล้องวงจรปิด ซึ่งตนนั้นได้ไปนั่งไล่ดูกล้องวงจรปิด ปรากฏว่าไม่พบใครมาที่บ้านเลย ในวันเวลาที่มีการเซ็นรับ ไล่เวลาดูทั้งก่อนและหลัง ช่วงเวลาที่เขาอ้าง ก็พบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่จากไปรษณีย์มาส่งให้ตนจริงๆ แต่ว่าในระบบมีการเซ็นรับเอกสารไปแล้ว ก็ได้มีการไปที่ไปรษณีย์ พบว่ามีจดหมายของที่บ้านตนตกค้างอยู่ที่ไปรษณีย์ 16 ฉบับ โดยที่ไม่มีใครนำส่งเลย รวมทั้งหนังสือรายงานตัวด้วย จึงได้รีบเดินทางด่วนไปสำนักงานเขตฯ โดยนำหลักฐานที่รวบรวมไว้ รวมทั้งบันทึกประจำวัน ภาพจากกล้องวงจรปิด และเอกสารฉบับแรกที่ทางไปรษณีย์อำเภอออกให้ ที่แจ้งว่าตนไม่อยู่บ้าน หนังสือจึงตีกลับไปที่ไปรษณีย์ ไปยื่นเอกสารเพื่อทำบันทึกข้อความแสดงเอกสารหลักฐานทั้งหมด ว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น สำนักงานเขตฯ จึงแจ้งว่าจะนำเอาเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณา ซึ่งทางเขตก็ได้รับเรื่องไว้ เพราะทางสำนักงานเขตก็ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ ตอนนี้ได้แต่รออย่างเดียว” นายศดิศ กล่าว

นายศดิศ กล่าวอีกว่า หนังสือที่ไปรษณีย์ต้องนำส่งนั้น เป็นหนังสือเรียกรายงานตัวไปบรรจุครู ซึ่งมีการเรียกตนไปรายงานตัว ถ้าตนได้ไปรายงานตัววันนั้น ก็ได้รับบรรจุ และก็ได้ไปทำงานแล้ว ซึ่งหลังจากที่ไปรษณีย์รู้ว่ามีกล้องวงจรปิด และตนได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน รวบรวมหลักฐานว่าบ้านของตนนั้นมีกล้องวงจรปิด และมีการถ่ายรูปเพื่อให้ทางไปรษณีย์ดู จึงได้มีการออกหนังสือฉบับที่ 2 บอกว่าเป็นความผิดพลาดของทางไปรษณีย์ ซึ่งเป็นพนักงานนำจ่ายไม่ได้ทำตามขั้นตอน เนื่องจากเป็นพนักงานใหม่ แล้วก็ลงชื่อ ประมาณนี้ จากนั้นก็ได้มีการส่งหนังสือไปที่สำนักงานเขตฯ อีกครั้ง และในวันนี้ทางไปรษณีย์ ได้ประสานกับทางแม่ของตน แต่ไม่ได้ประสานงานกับตนโดยตรง ซึ่งทราบมาว่า ไปรษณีย์ได้ให้ผู้ใหญ่ในระดับจังหวัดและไปรษณีย์ไทย ติดต่อรัฐมนตรี ติดต่อไปที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาว่ากำลังเจรจากันอยู่

“ในความเสียหายที่เกิดขึ้นจะแบ่งเป็น 2 อย่าง คือ ในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าผมจะถูกตัดสิทธิไหม หรือจะถูกเลื่อนออกไปเป็นลำดับที่เท่าไหร่ จะถูกเรียกอีกครั้งเมื่อไหร่ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงๆ แล้วก็คือ การลางาน บินด่วนไปเพื่อส่งเอกสารหลักฐาน เพื่อไปคุยกับสำนักงานเขตโดยตรง แม่ของผมก็ต้องลางานเพื่อติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับรถไปกลับบ้านกับไปรษณีย์เพื่อเจรจาพูดคุย หรือรวบรวมเอกสาร ถ่ายภาพหลักฐานทั้งหมด และเรื่องของสภาพจิตใจของคนในครอบครัวที่เสียใจ ว่ามีการถูกเลื่อนออกไป และในส่วนข้อที่ 2 ก็ต้องรอลุ้นต่อไปว่าจะถูกตัดสิทธิหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะสำนักงานเขตได้มีการประกาศ และเรียกรายบุคคลผ่านทางจดหมายอย่างเดียว ในตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมถึงไม่นำส่ง และเกิดจากอะไรจนทำให้พลาดการรายงานตัวรับราชการตามที่ผมมุ่งมั่นตั้งใจสอบมาโดยตลอด” นายศดิศ กล่าว