เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 15 ก.ค. 67 ที่รัฐสภา น.ส.นภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา แถลงถึงภาพรวมการเปิดรับแสดงตนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดใหม่ 200 คน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11-12 ก.ค. และวันที่ 15 ก.ค. ว่า ขณะนี้มี สว. มาแสดงตนล่าสุดจำนวน 198 ราย ยังคงเหลืออีก 2 ราย ที่จะเดินทางมาแสดงตนในช่วงบ่าย ส่วนการนัดประชุมวุฒิสภานัดแรก ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาปี 2562 ข้อ 15 กำหนดว่าต้องนัดประชุมล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วัน จากความพร้อมล่าสุด จะกำหนดในวันที่ 23 ก.ค. 67 ซึ่งตรงกับวันอังคาร ที่มีการประชุมวุฒิสภาตามปกติ ขณะที่วาระการประชุมนัดแรก มี 3 วาระคือ 1.เรื่องที่ประธานแจ้งต่อที่ประชุม เพื่อรับทราบผลการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อการเลือก สว.ชุดใหม่ รวมถึงบัญชีสำรอง 2.การปฏิญาณตนของ สว. ก่อนเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และ 3.วาระการเลือกประธาน และรองประธานวุฒิสภา

เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมวุฒิสภานัดแรก ตามข้อบังคับฯ ปี 62 ข้อ 5 กำหนดให้เชิญผู้อาวุโสสูงสุดทำหน้าที่เป็นประธานวุฒิสภาชั่วคราว มีรายชื่อตามลำดับดังนี้ 1.พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี สว. อายุ 78 ปี 2.นายแล ดิลกวิทยรัตน์ สว. อายุ 77 ปี และ 3.นายบุญส่ง น้อยโสภณ สว. อายุ 75 ปี ทั้งนี้หากบุคคลตามลำดับไม่พร้อมทำหน้าที่ ก็จะเลื่อนเป็นลำดับถัดไปตามอายุอาวุโส ต่อจากนั้นเมื่อได้ลงมติเลือกประธาน และรองประธานวุฒิสภาแล้วเสร็จ ก็จะยืนยันมติ และส่งเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป

เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวต่อว่า ส่วนการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 2 จะเกิดขึ้นภายหลังจากมีการโปรดเกล้าฯ ประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา ซึ่งระยะเวลาเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับระยะเวลาที่ผ่านมาประมาณ 7 วัน คาดว่าจะเป็นวันที่ 30 ก.ค. นี้ อย่างไรก็ตามกระบวนการลงมติเลือกประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภา เป็นเรื่องในรายละเอียด ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

เมื่อถามว่า ก่อนการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา มี สว. อยากให้นัดสัมมนาทำความรู้จักกันก่อน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า ตามปกติสำนักงานจะจัดสัมมนาหลังจากที่ สว. ได้เข้าทำหน้าที่แล้ว ส่วนการนัดพบปะกันก่อนการโหวตเลือกนั้น ขึ้นอยู่กับสมาชิกที่จะดำเนินการ

เมื่อถามถึง การตรวจสอบประเด็นวุฒิการศึกษาของ สว. ที่มองว่าอาจไม่ใช่ของจริง เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะต้องดำเนินการทุกอย่างตามอำนาจหน้าที่ จึงได้มีการมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายสำนักงานฯ ไปวิเคราะห์ความเห็นว่าจำเป็นจะต้องดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร.