เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.อ้อ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ชาว ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี อ้างว่าถูกพ่อแม่บังคับให้ไปนวดรักษาโรคมะเร็งกับสำนักฤาษีแห่งหนึ่งใกล้บ้าน ซึ่งสำนักดังกล่าวมีชายอายุประมาณ 50 ปี เรียกตัวเองว่า หมอพุธ อ้างเป็นร่างทรงพ่อปู่ฤาษี เปิดสำนักดูดวง แก้ของทางไสยเวท ภายในสำนักมีการติดป้ายประกาศอัตราค่าธรรมเนียมไว้ชัดเจน เช่น ต้มยามะเร็ง 3,000 บาท ขอลูก 3,000 บาท ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ต่างหลงเชื่อและเข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก

น.ส.อ้อ เล่าว่า สำนักดังกล่าวมาตั้งอยู่เกือบ 10 ปี ซึ่งพ่อและแม่ตนก็เข้าไปเป็นลูกศิษย์ด้วย โดยช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ หมอพุธ บอกแม่ตนว่า ตนเป็นโรคมะเร็ง จำเป็นต้องพามาพ่นหมากพลู ต้มยากินและนวดรักษา ซึ่งแม่กับพ่อก็เชื่อพาไปหาหมอพุธ ช่วงแรกหมอพุธก็รักษาโดยใช้การพ่นหมากพลู โดยให้ตนถอดเสื้อผ้าทั้งหมดและพ่นใส่ทั่วร่างกาย บางครั้งหมอพุธก็จับร่างกายตนด้วย พอมาช่วงหลังทุกสัปดาห์ ถูกพ่อแม่บังคับให้ไปนวด

น.ส.อ้อ เล่าอีกว่า ซึ่งการนวดจะให้ถอดเสื้อผ้าทั้งหมด ทาน้ำมันว่านและนวดทั่วร่างกาย ซึ่งรู้สึกไม่สบายใจจึงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าผลตรวจร่างกายออกมาปกติดีไม่มีเชื้อมะเร็ง จึงไม่อยากกลับไปรักษาที่สำนักของหมอพุธ แต่พ่อและแม่ก็ยังเชื่อและบังคับให้ไปนวดทุกสัปดาห์ กระทั่งตอนนี้มาเรียนที่ อ.เมือง พ่อก็ยังตามมาเฝ้าอยู่หน้าหอพัก เพื่อบังคับให้กลับไปนวด ซึ่งก็พยายามหลบไม่ให้เจอพ่อ จึงอยากมาร้องผู้สื่อข่าวช่วยประสานเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบพฤติกรรมของหมอพุธ ว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะยังมีรุ่นน้องตนอีกหลายคน ถูกครอบครัวบังคับให้ไปรักษากับหมอคนนี้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับมอบหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ซึ่งชาวบ้านแอบถ่ายไว้เป็นภาพขณะนวดบางส่วนที่เกิดขึ้นภายในสำนัก ซึ่งในคลิปจะเห็นเด็กสาวอายุ 14 ปี นอนเปลื้องผ้าท่อนบน โดยมีหมอพุธ นั่งนวดอยู่ข้างตัว โดยมีผู้ช่วยที่เป็นลูกศิษย์อยู่ด้วยอีก 2 คน