กรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพจากกล้องวงจรปิด และสภาพเศษอาหารบริเวณหน้าบ้านของตนเอง ที่เป็นความอัดอั้นตันใจหลังจากเก็บสะสมมานาน กรณีมีบุคคลบางรายที่รักสัตว์ ได้นำเศษอาหารมาวางไว้ให้สุนัขจรจัด 4-5 กอง ทุกวัน โดยมีข้อความระบุว่า “ไปซื้อของเมื่อเช้าเห็นกองเดียว ไปส่งลูกกลับมาเพิ่มเป็น 4 กอง (รูป1,2) รูปอื่นของวันอื่น กล้องวงจรปิดพร้อมมาก เตือนด้วยการพูดไปแล้ว 1 รอบ สงสัยอยากได้มากกว่าการพูดจา อยากรู้จังบ้านเค้าอยู่แถวไหน จะขนสุนัขที่เค้ารักไปไว้ให้ที่บ้านเค้าทั้งหมดเลย จะได้ไม่ต้องมาขี่รถตะเวนให้อาหารแบบนี้ กลัวเหนื่อย”

หลังจากที่โพสต์ภาพดังกล่าวลงไป มีผู้มาแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย อย่างเช่น ‘เหมือนจะใจบุญ แต่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน สรุปคือใจร้ายอ่ะ’ ทำทานให้หมาแต่ให้ทุกข์กับคน ถ้าเขาว่าคนใจแคบกับหมางั้นคนให้ก็ใจแคบกับคน’ เห็นแบบนี้แล้ว โมโหแทน ทำไมไม่เอาไปเลี้ยงที่บ้าน จะมาใจบุญให้อาหารกินไปทั่วแต่ทำคนอื่นเดือดร้อนทำไมน่ะ’ โดยมีชาวโซเชียลบางส่วนก็แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป เช่น ‘ผมกลับมองว่าให้อาหารสุนัขจรจัดมันก็ดีนะครับ แต่ควรมีภาชนะใส่ จะได้จัดเก็บได้ง่าย ไม่ใช่เทลงพื้นแบบนี้ มันทำให้คนอื่นเดือดร้อนครับ’ ช่วยเหลือหมาแมวจรจัดมันก็ดี แต่มันจะต้องไม่มาสร้างความเสียหายหรือความเดือดร้อนให้กับบ้านคนอื่นด้วย

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ขอภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารแห่งหนึ่งอยู่ใจกลางตัวเมืองสุรินทร์ โดยคลิปแรก เป็นภาพขณะที่ผู้ใจบุญ ขี่รถจักรยานยนต์ไปตามสุนัขจากที่อื่นเพื่อมาเทอาหารให้ในบริเวณดังกล่าว คลิปที่ 2 เป็นคลิปวันถัดมา คาดว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าร้านช่วงเวลาเดิม คือเช้าตรู่ ขี่ผ่านบริเวณดังกล่าวไปได้ประมาณ 1 นาที ก็ขี่กลับมาพร้อมกับสุนัข 3-4 ตัว มาจอดที่บริเวณดังกล่าว พร้อมกับนำถุงอาหาร มาเทอาหารลงพื้นไว้ 4 กอง โดยขณะนั้นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ที่อยู่บนบ้านเห็นพอดี จึงตะโกน แจ้งบุคคลดังกล่าว ว่า อย่ามาเทไว้แถวนี้ มันสกปรก บุคคลดังกล่าวจึงขี่รถออกไป

ทั้งนี้ เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พบว่าเป็นร้านอาหารชื่อดัง และรับงานจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ซึ่งบริเวณดังกล่าวอยู่ด้านข้างร้าน โดยกองอาหารทั้งหมด เจ้าของบ้าน ได้เก็บกวาดทำความสะอาดออกไปหมดแล้ว มีป้ายติดประกาศชัดเจน ว่า “อย่าให้อาหารสุนัขบริเวณหน้าบ้าน มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพ 24 ชั่วโมง” ซึ่งแปะไว้หลายจุด โดยพบกับ นายมาย อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของร้านได้มาชี้จุดที่เกิดเหตุพร้อมกับอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น

โดย นายมาย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ผู้ใจบุญดังกล่าว ได้ขี่จักรยานยนต์ตระเวนให้อาหารสุนัขจรจัดที่บ้านถัดไปจากของตนเอง สักพักก็ค่อยๆ ขยับเข้ามา ใกล้ขึ้น จนมาถึงบริเวณหน้าบ้านของตน ได้ประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว โดยเมื่อก่อนนั้น สุนัขจรจัดไม่ได้เยอะขนาดนี้ ปัจจุบันทั้งขยายพันธุ์ ทั้งไปตามมาจากที่อื่นเพื่อมาให้หน้าบ้านตน ราว 10 ตัวได้ ซึ่งก็เคยบอกกล่าวไปแล้ว 1 ครั้ง แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ เพราะว่า มีมาในช่วงเช้า และตนได้เจอตัวในช่วงค่ำ ไม่แน่ใจว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ก็ได้เตือนไปว่า อย่าให้อาหารตรงนี้ เพราะมีบ้านคนอยู่ สุนัขจะมารวมตัวกัน มากินอาหาร และมาขับถ่ายในบริเวณนี้ โดยบุคคลใจบุญดังกล่าว ก็ได้ขอโทษและสัญญาว่าจะไม่ให้ แต่ก็ยังมีมาให้เรื่อยๆ ตนจึงไม่แน่ใจว่า เป็นคนเดียวกันหรือไม่

นายมาย เผยต่อว่า ตอนนี้ที่บ้านตนเดือดร้อนจากเศษอาหารที่เหลือที่สุนัขกินไม่หมด จะมีนกพิราบบินมากินต่อ และขับถ่ายเรี่ยราดเต็มไปหมด ตนต้องมาตามเก็บกวาดทุกวัน ตนมีลูกอยู่ในบ้าน เกรงว่า นกจะนำพาเชื้อโรคมาด้วย ก็เคยแจ้งไปยังเทศบาลเมืองสุรินทร์ไปครั้งหนึ่ง สุนัขก็เงียบไป สักพักก็กลับมาอีก ตนไม่ได้มีปัญหากับสุนัขจรจัดโดยตรง แต่มีปัญหากับบุคคลที่นำอาหารมาให้มากกว่า เพราะว่าการให้อาหาร ถือเป็นการเรียกสุนัขจรจัดจากที่อื่นให้มาอยู่บริเวณนี้ เพราะเขาเข้าใจว่า ตรงนี้มีคนมาให้อาหารประจำ และตอนกลางคืนมักจะเห่าหอนเสียงดัง วิ่งไล่คนที่ขับรถผ่านไปมา

“ผมเองก็เข้าใจว่า ปัญหานั้นก็ไม่ได้เกิดจากเทศบาล หรือว่าหน่วยงานรัฐโดยตรง แต่ก็น่าจะมีอะไรที่พอทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการจับทำหมัน เพื่อลดจำนวนประชากร อยากจะฝากถึงบุคคลที่ตระเวนนำอาหารมาเทหน้าบ้านคนอื่นว่า ถ้ารักจริง อยากให้เอาไปเลี้ยงไว้ที่บ้าน เพราะการให้อาหาร ให้ที่อยู่อย่างปลอดภัยให้เขา ถือเป็นบุญอย่างยิ่ง เขาจะได้ไม่ต้องมาเร่ร่อนแถวนี้ หรือที่อื่นๆ ต่อไป” นายมาย กล่าว