เมื่อวันที่ 13 ก.ค. นายวิทยา นีติธรรม ผอ.กองกฎหมาย และในฐานะโฆษกสำนักงาน ปปง. กล่าวว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำและสั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องจริงจังเพื่อแก้ไขและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนนั้น เมื่อวันที่ 11-12 ก.ค.ที่ผ่านมา สำนักงาน ปปง. ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดโครงการบูรณาการ การปฏิบัติงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ณ โรงแรมไมด้า แกรนด์ ทวารวดี จ.นครปฐม โดยมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เป็นประธานในการสัมมนา พร้อมด้วยผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ได้ร่วมกันหารือถึงแนวทางในการปรับปรุงมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้และการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

โฆษก ปปง. กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกำหนดกลไกให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจในการนำเงินที่คงค้างอยู่ในบัญชีม้ามาคืนให้กับผู้เสียหายได้โดยเร็ว การจำกัดช่องทางการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า การใช้มาตรการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอย่างเคร่งครัดตั้งแต่ขั้นตอนการเปิดบัญชีใหม่และการติดตามความเคลื่อนไหวของบัญชีที่มีเหตุอันควรสงสัย มาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ แพลตฟอร์มดิจิทัล การร้องขอข้อมูลและหลักฐานจากสถาบันการเงินและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทั้งนี้ จะได้นำผลสรุปจากการสัมมนาดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อพิจารณาให้มีผลเป็นรูปธรรมต่อไป.