“บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา ครั้งที่ 10/2567 โดยมี นายไพฑูร ชุติมากรกุล ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ด้านกีฬา, นายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการ ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และคณะอนุกรรมการฯ เข้าประชุมพร้อมเพรียงกัน ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา กกท.

หลังการประชุม ผศ.พิมล เปิดเผยว่า การครั้งนี้มี 3 เรื่องสำคัญทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องการนำเอามวยไทย เข้าไปเป็นวิชาเรียน มีการเรียนการสอนในโรงเรียนในสังกัดของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 30 โรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการเรียนการสอน สัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 1-2 ชม. จนครบเทอม จะเป็นโอกาสให้ได้ปลูกฝังมวยไทยให้เยาวชนไทยโดยที่ไม่ต้องไปหาเรียนตามสถานที่ต่างๆ ให้เสียเงิน ซึ่งการสอนมวยในโรงเรียน เราไม่ได้สอนเพียงเฉพาะการเตะ ต่อย เพียงอย่างเดียว เราจะสอนถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของมวยไทยในอดีต และยังจะสอนถึงการมีวิชามวยไทยติดตัว ไม่ใช่เป็นคนเกเร จะเรียนมวยไทยจะต้องครองตนให้เป็นคนดีด้วย ซึ่งกีฬามวย อย่าไปคิดว่าเก่งแล้วจะไปต่อยตีกับใคร แต่เรามีวิชาเพื่อป้องกันตัวเอง และเข้าใจถึงวัฒนธรรมของมวยไทย

ในส่วนของโครงการ “Amazing Muay Thai Master Class” ถือว่ามีความสำคัญอีกโครงการหนึ่ง เราประชุมกันจนได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะทำโครงการนี้ในหลายประเทศด้วยกัน โดยช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ เราจะมีไปทำ “มาสเตอร์ คลาส” อีก 6 ประเทศ ตั้งแต่ ออสเตรเลีย, แคนาดา, สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสิงคโปร์ ซึ่งเราจะเอานักมวยไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ไปสอนให้ชาวต่างชาติได้เรียนรู้เทคนิคและเข้าใจถึงการเรียนมวยไทยด้านต่างๆ

“สิ่งที่จะได้กลับมาคือ การเรียนแล้วติดใจ อยากเรียนมวยไทยเพิ่มเติม อยากมาเมืองไทยเพื่อมาเรียนต่อ มันคือสิ่งที่ได้ประโยชน์แทบทั้งสิ้น เพราะนอกจากจะมาเรียนมวยไทยแล้ว พวกเขายังได้ท่องเที่ยวในเมืองไทย พักในเมืองไทย, ทานอาหารไทย ได้ชอปปิง และอีกมากมาย โดยผลตอบรับจากโครงการมาสเตอร์ คลาส ที่เราทำไปก่อนหน้านี้ที่อังกฤษ มีชาวต่างชาติเตรียมจะมาเมืองไทยกันเป็นจำนวนมาก เราได้ทำประเมินเบื้องต้นแล้วนับร้อยล้านบาท และเชื่อว่า ในปีงบประมาณนี้ โครงการ “Amazing Muay Thai Master Class” ในอีก 6 ประเทศ จะได้รับผลตอบรับอย่างสูงแน่นอน” ผศ.พิมล กล่าว