วันที่ 13 ก.ค. 2567 ที่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) นายทิวากร สุระชน รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงโครงการปุ๋ยคนละครึ่งว่า เมื่อรัฐบาล ไม่ฟังเสียงทักท้วงจากประชาชน สุดท้ายนโยบายนี้ จะกลายเป็นอีกหนึ่งความผิดพลาดของรัฐบาล เริ่มตั้งแต่การตั้งสมมุติฐานเรื่องราคาข้าวที่ผิดพลาด โดยกล่าวอ้างว่าราคาข้าวในปีการผลิต 2567 และ 2568 ดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา ทั้งที่ราคาที่สูงอยู่ประมาณ 12,000 ถึง 13,000 บาทต่อตัน ตอนนี้เป็นราคาที่เกษตรกรและประชาชนไม่มีข้าวอยู่ในมือ ไม่สามารถนำข้าวออกขายได้ แต่เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลผลิต ข้าวที่ชาวนาเพาะปลูกออกพร้อมกัน ราคาก็จะตกลงเหลือเพียง 8,000 ถึง 9,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่ไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต ดังนั้น การใช้ยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาดเช่นนี้ ทำให้ความหวังของชาวนา ที่จะได้เงินช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท จึงหายไป

นายทิวากร กล่าวต่อว่า นอกจากยุทธศาสตร์ในการดูแลเกษตรกรชาวนาที่ผิดพลาดแล้ว เมื่อพิจารณาตัวโครงการปุ๋ยคนละครึ่งจะพบว่า เงินงบประมาณที่จะใช้ราว 30,000 ล้านบาท ในการอุดหนุนโครงการนี้ จะเป็นการนำเงินไปซื้อปุ๋ยเคมี และแน่นอนว่าจะไม่ใช่โครงการที่ทำนาเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญปัจจุบันคือฤดูกาลผลิตที่ 2 ของรัฐบาลที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่เรายังคงเห็นการแก้ไขปัญหาแบบเดิม ๆ ซึ่งไม่ใช่การลดต้นทุน ทางการเกษตรอย่างแท้จริง ไม่เห็นการแก้ไขปัญหาที่โครงสร้าง โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องดินและน้ำ ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการเพิ่มคุณภาพและผลผลิตทางการเกษตร หรือการรับมือความท้าทายเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

“ถ้านายเศรษฐา ยังบริหารแบบไร้อนาคตเช่นนี้ คนเดือดร้อนที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นพี่น้องชาวนา และภารกิจเร่งด่วนที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ว่าจะวางยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการน้ำตามความต้องการน้ำในแต่ละพื้นที่บริหารจัดการทรัพยากรดิน บริหารจัดการแปลงเกษตรและการวิจัยพัฒนาพันธุ์เพื่อเพิ่มผลผลิต นำนวัตกรรมเกษตรแม่นยำมาใช้ เพิ่มมูลค่าผลตอบแทนต่อไร่ให้สูงขึ้น คงเป็นเทคนิคการหาเสียงเช่นเคย” นายทิวากร กล่าว