กรณีตำรวจจับกุม นายนิพิฐพนธ์ สมบูรณ์สุขยิ่ง อายุ 26 ปี คนร้ายก่อเหตุวิ่งราวทองคำ 60 บาท จากร้านทองในห้างดัง จ.เชียงใหม่ โดยหลบหนีไปทางถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ภายหลังตำรวจจับกุมตัวไว้ได้ รับสารภาพว่า มีการหลอกจ้าง ว่าที่ ร.ท.สุเทพ ชัยนันตา อายุ 49 ปี คนขี่รถ จยย.รับจ้างให้มารับก่อนลวงไปฆ่า ก่อนชิงเอาเสื้อผ้าและ จยย. เพื่อใช้ก่อเหตุอำพรางตำรวจ อย่างไรก็ตาม ทางพ่อแม่ของ นายนิพิฐพนธ์ คนร้ายในคดีนี้ มีความเชื่อว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเลียนแบบในเกมและหนัง เนื่องจากลูกชายติดเกมต่อสู้และชอบดูหนังแนววางแผนฆาตกรรมมาตั้งแต่เด็ก ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

‘แม่’ กล่อมสำเร็จ ‘หนุ่มเชียงใหม่’ ยอมชี้จุด ทำแผนฆ่าอำพรางชิงทอง

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาชุมชน ต.ช่อแล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พ่อและแม่ของนายนิพิฐพนธ์ ผู้ต้องหาเดินทางมาเพื่อขอขมาศพ ว่าที่ ร.ท.สุเทพ โดยเมื่อมาถึง ทั้งสองได้มอบเงินช่วยเหลือทำศพ ให้ นางกฤษณา กาเผือก พี่สาว ว่าที่ ร.ท.สุเทพ และกล่าวขอโทษทั้งน้ำตา พร้อมยกมือไหว้ตลอดเวลา ว่า ที่ลูกชายก่อเหตุครั้งนี้ยอมรับผิดทุกอย่าง โดยครอบครัวตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของพี่สาวผู้ตายดี ที่ให้ทางครอบครัวตนมางานศพเพื่อขอขมาครั้งนี้ ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว ซึ่งตนก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดแทนคำสูญเสียที่สูญเสียน้องชายไป ผิดที่ตนเองเลี้ยงลูกไม่ดี จึงทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา

ซึ่งหลังจากขอขมา พี่สาวผู้ตายได้รับไหว้การขอขมา พร้อมบอกว่า ตนเลี้ยงน้องชายมาตั้งแต่เล็ก ยอมรับครอบครัวขณะนี้ยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะแม่ที่ยังไม่มาร่วมงานศพลูกชายแม้แต่วันเดียว เพราะยังทำใจไม่ได้จริงๆ และยังคงนั่งรอลูกชายกลับมาหาที่หน้าบ้านเหมือนทุกครั้ง

จากนั้นพ่อและแม่ของคนร้ายได้ไปจุดธูปเพื่อขอขมาศพและขออโหสิกรรมต่อหน้าโลงศพของ ว่าที่ ร.ท.สุเทพ กล่าวว่า วันนี้ทางครอบครัวได้มาขอขมาและขออโหสิกรรม โดยทางผู้ก่อเหตุยังได้ฝากมาขอโทษและขอขมาศพด้วย หลังจากนั้นได้ไปพูดคุยกับลูกผู้ตาย เพื่อขอโทษและบอกว่า หากมีอะไรให้ช่วยเหลือให้ติดต่อได้ตลอดเวลา ก่อนจะให้เบอร์โทรฯ ไว้

พ่อผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เกือบไม่ได้เดินทางมาขอขมาศพ เนื่องจากว่าแม่ของผู้ตายเครียด ต้องไปหาหมอเกือบต้องนอนโรงพยาบาล แต่ตนคิดว่าตั้งใจแล้วต้องมาให้ได้ ซึ่งตั้งใจจะมาหลายวันแล้วแต่คดียังไม่เสร็จ เมื่อมีโอกาสก็เลยต้องรีบมา ต้องขอบใจทางครอบครัวของผู้ตายด้วย ที่ให้โอกาสมากราบขอขมา-ขออโหสิกรรม ถึงแม้ยังไม่รับทั้งหมด เพราะรู้ว่ายังเสียใจ เราก็เข้าใจแต่ก็ยังดีที่มาขออโหสิกรรมกับผู้ตาย และเมื่อวานได้คุยผ่านโทรศัพท์กับลูกก่อนถูกส่งเข้าเรือนจำ ก็บอกว่าฝากดูแลแม่กับน้องดีๆ และฝากกราบศพพี่เขาแทนด้วย

นางกฤษณา พี่สาวผู้ตาย กล่าวว่า ตนได้บอกไปว่า มีอารมณ์หลากหลายอัดอั้นตั้นใจ แต่ก็มีสติที่จะพูดและเข้าใจความเป็นพ่อแม่ ซึ่งตัวเองก็เป็นแม่คน ทำให้เรารู้ว่าการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์จะเป็นอย่างไร การดูแลลูกควรทำอย่างไร เข้าใจในความรัก ลูกใคร ใครก็รัก ถามว่าอโหสิกรรมไหม คำว่าอโหสิกรรมมันสูงไป มันบริสุทธิ์มากกับคดีแบบนี้ ยังไม่เคยเจอ ถ้าเป็นญาติพี่น้องมาขออโหสิกรรมช่วงปีใหม่นั้น ก็ได้อโหสิกรรมปลดปล่อยด้วยความเมตตา แต่กรณีเช่นนี้มันทำใจอโหสิกรรมยาก แต่ก็ให้ไปขออโหสิกรรมกับน้องชายแทน วิญญาณจะได้บริสุทธิ์ ที่จะอโหสิกรรมรับรู้ได้ ไปขอกับน้องเอง ซึ่งพ่อแม่ไม่ใช่ผู้ต้องหา ตนแยกแยะ ถือว่าได้ทำหน้าที่พี่ตรงนี้ให้ดีแล้ว

ส่วนบรรยากาศภายในงานศพเป็นไปอย่างเศร้าโศก มีบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนของผู้ตายต่างเดินทางมาร่วมไว้อาลัยและจัดบอร์ดไว้อาลัยครั้งสุดท้ายให้กับผู้ตาย โดยนำรูปภาพของผู้ตายขณะที่เรียนหนังสือและเป็นเทรนเนอร์ รวมทั้งการปั่นจักรยานเสือภูเขามาติดที่บอร์ด ซึ่งพิธีฌาปนกิจศพของผู้ตายนั้น จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 13 ก.ค. นี้ ที่สุสานในหมู่บ้านต่อไป