ด้วย กก.สส.ภ.จว.นครนายก ได้รับนโยบายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเรื่องของการปราบปรามยาเสพติดภายในพื้นที่รับผิดชอบ ต่อมา พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท่วม ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 พล.ต.ต.จักษ์ จิตธรรม ผบก.นครนายก พ.ต.อ.เผ่าภากร รามนุช รอง ผบก.นครนายก พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.สส.ภ.จว.นครนายก พ.ต.ท.กฤตพงศ์ โรจน์รุ่งศศิธร รอง ผกก.สส.ภ.จว.นครนายก พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.นครนายก ร่วมกันจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด 5 ราย ประกอบด้วย น.ส.กิตติยา บุญนาค อายุ 34 ปี น.ส.ธารทิพย์ เพิ่มพวง อายุ 26 ปี นางฐานิตา วังแก้ว อายุ 32 ปี นายบรรจง เที่ยงเดช อายุ 45 ปี และนายกมล วังแก้ว อายุ 42 ปี ทั้งหมดเป็นชาว จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด รถยนต์ 2 คน โดยจับกุมได้ที่บริเวณห้างโลตัสนครนายก ต.บ้านใหญ่ อ.เมือง จ.นครนายก เวลา 17.00 น. วานนี้ (10 ก.ค.)

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สืบทราบว่า ในพื้นที่ จ.นครนายก มีกลุ่มขบวนการค้ายาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน มาจำหน่ายในพื้นที่ตอนใน จึงได้วางแผนพร้อมนำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหา 5 ราย ได้บริเวณห้างโลตัสนครนายก พร้อมของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด ก่อนขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน รถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ้นรีโว่ร็อคโค่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3ขศ 169 กรุงเทพมหานคร มูลค่า 1,200,000 บาท รถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน กม 938 ราชบุรี มูลค่า 800,000 บาท

สอบสวนผู้ต้องหา รับว่าลำเลียงยาบ้ามาจาก อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อส่งให้ลูกค้า ได้ค่าจ้างครั้งละ 400,000 บาท ซึ่งทำมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว และได้หยุดไปนานแล้ว และจึงหวนกลับมาทำใหม่ในครั้งนี้ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในครั้งนี้

เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย เพื่อการค้า การก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป โดยไม่ได้รับอนุญาต พยายามจำหน่ายยาเสพติตให้โทษประเกท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อการค้า การก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป ก่อนคุมตัวทั้งหมดดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้ดำเนินการขยายผลถึงขบวนการทั้งหมด ทั้งต้นทางและลูกค้าปลายทาง และยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องต่อไป.